จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขอความร่วมมือจากแฟน JUMP ร่วมทำสิ่งดีๆเพื่อริวทาโร่ของพวกเรากับแฟนๆที่ญี่ปุ่น//10 คน หรือ 9คน?

จากหัวข้อบล็อกแล้วคิดว่าคงเข้าใจจุดประสงค์แล้วนะคะ โซล (ขอใช้ชื่อนี้) เมื่อวานเรียนครึ่งวันและพอดีมีเวลาว่างด้วย ตอนอยู่โรงเรียนเลยนั่งหาข่าวริว เพราะตอนนี้รูปปาปาออกเพียบเลย เลยคิดว่าจะไปสืบว่ามีอะไรบ้างรึเปล่า (แลดูเหมือนสืบตามหาคนร้าย?) แต่ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอพูดไรหน่อยดิ (อีกแล้วนะแก!) =3=

ครือมันเป็นเรื่องสุดวิสัยอย่างแรง orz คือเมื่อวาน เลิกครึ่งวันใช่มะ แล้วแบบหนาวตรีนๆอ่ะ (พูดคำหยาบ) หิมะตกแต่เช้าอ่ะ หนักด้วย นานด้วย (คือก็ไม่หนักขนาดว่ากองสุมอ่ะนะ แต่สำหรับที่นี่ถือว่าเยอะมาก) โคตรอ่ะ แบบตัดใจขี่จักรยานไปโรงเรียน จะได้ถึงเร็วๆ ขากลับจะได้กลับเร็วๆ

วางแผนว่าจะกลับมาทำหมูอบกะปิกินไง แต่ทีนี้!ลืมกุญแจบ้าน = = กระเป๋าตังค์ก็ลืมไว้ในบ้าน คือแบบ orz แล้วมีมี่ก็ไม่อยู่บ้านอ่ะ ทั้งโทรทั้งอะไรแล้วก็ไม่ติดต่อกลับ คือคิดว่า ลืมโทรศัพท์อีกแน่ๆ TT

แล้วทำไง? หนาวก็หนาว หิวก็หิว โชคดีที่ตัวบ้านมันแบ่งเป็นสองหลัง (ไฮโซ) แล้วตรงส่วนนั้นมีมี่ลืมล็อกเลยเข้าไปนั่งในนั้นอ่ะ โชคดีที่มีฮีตเตอร์ แต่มันใช้งานไม่ค่อยได้อ่ะ (กำ) แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี TT แล้วก็มีคอมเก่าตัวนึงเล่นเน็ตได้ เลยแบบ ยังโชคดีอ่ะ แต่มันเป็นคอมฝึกสมาธิเพราะแม่งช้าโคตรรรร!แต่เราก็นั่งติส เกรียนเปิดต่อไป (ก็ไม่มีไรทำอ้ะ TT)

แต่ก็เลยโทรไปหามาจังด้วย มาจังก็บอกว่า ตรงห้องนั้นน่ะ บนเพดานมันจะมีฝาเปิดได้ แล้วจะมีบรรไดยื่นลงมา (ไฮโซ) แต่เขาว่าคงยากเพราะมันสูงแล้วก็ ห้องที่เชื่อมข้างบนไม่รู้ว่ามีอะไรวางทับรึเปล่าก็ไม่รู้ เลยแบบตัดใจอ่ะ ต้องรอ แต่นะ ก็ลองๆไปเปิดดูแต่ก็ไม่สำเร็จอ่ะ ปีนขึ้นไป กร๊าก เลยทำใจ

จนเริ่มแบบ ผ่านไปสองชั่วโมงกว่า สภาพร่อแร่ หนาวมาก = = หิวด้วย ปวดฉี่อีก คือแบบ คิดว่าต้องหาทางเอาตัวรอดแล้วอ่ะ เลยปีนอีกรอบ พยายาม จนมันเปิดได้!! กรี๊ดดด! เหมือนเห็นสวรรค์อ่ะ ToT!


ไฮโซโคตร! แล้วแบบข้างบนที่เชื่อมมันเป็นห้องหนังสือแล้วไม่มีผ้าม่านไง แสงก็รอดเข้ามา แบบ เหมือนบันไดสวรรค์อ่ะ กร๊ากกก! แต่ตอนแรกๆก็นึก แล้วกรุจะปีนขึ้นไปยังไงวะเนี่ย =_,= แต่พี่น้องครับ มันยื่นได้!

อะเมซิ่งมากกกกกกก! จริงๆยาวถึงพื้นห้องเลยนะ แต่มันติดโต๊ะที่เค้าลากมาปีนอ่ะ 

ลังเลเล็กน้อยตอนปีน กลัวอ่ะ เหอๆ แต่ก็ปีนขึ้นไปจนได้! และเดินผ่านทางเชื่อเข้าบ้านอย่างปลอดภัย ตอนนั้นแบบ มันมีความสุขอย่างบรรยายไม่ถูกอ่ะ หลังจากนั้นยี่สิบนาที มีมี่ก็กลับมา เหอๆ

ประสบการณ์ชีวิต (ตรงไหน!?) =3= 

.


.


.

เอาล่ะค่ะทุกคน เข้าเรื่องกันดีกว่า (เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงๆวัยรุ่น = =) บล็อกนี้ โซลเจอโดยบังเอิญจริงๆ และคิดว่ามันคือพรหมลิขิต (นั่น) แต่แบบนะ ซึ้งจิตจริงๆอ่ะ Y_Y ดีใจที่ใครๆก็คิดเหมือนเรา เอาล่ะ จะเล่าและอธิบายให้ฟังแล้วนะ

ก่อนอื่น ขอบอกว่า ขอความร่วมมือจริงๆ โซลอยากให้มันเป็นโครงการใหญ่ขึ้นมา อยากให้มันเป็นความร่วมมือ และ การร่วมใจของแฟนคลับจัมพ์ที่จะร่วมกันให้กำลังใจ และ นำเมมเบอร์อันเป็นที่รักทั้งของแฟนๆและของไอดอลที่พวกเรารักกลับมา

นี่คือการแสดงความรักของเราค่ะ

龍太郎くんへお手紙を募集します

龍太郎くんがいなくなって7ヶ月が経ちましたね・・・。

本当はもっと早くするべきだったんだけど、
4月6日にはお誕生日もあることですし、これを機会に、
龍太郎くんへお手紙を募集したいと思います。

応募条件は「龍太郎くんに幸せになって欲しい人」です。

すでに直接お手紙を書いてらっしゃる方も多いとは思いますが、
なかなか、書く機会がない方もいるのではないかと思います。

募集期限は設けません。

私がファンレターを書きたくなったり、ある程度メッセージがたまったら、
まとめてお手紙を送る形にしたいと思っています。

一人何通でも構いません。
書きたいことがあれば、いつでもお気楽にメッセージを下さい。
アンケートのみ。メッセージのみ。ご意見ご要望のみ。でも構いません。

お手数ですが簡単なアンケートにもご回答をお願いします。


1 お名前は?(ハンドルネーム可)
2 年齢は?
3 好きなジャニーズグループは?
4 Hey!Say!JUMPの中で好きな人を教えて下さい。
5 森本龍太郎くんへのメッセージを書いてください(龍太郎くんへ手紙で送ります)
6 龍太郎くんへのメッセージを当ブログで公開してもいいですか?
7 このブログへご質問、ご意見、ご要望があれば
8 返信を希望しますか?
   (希望すればブログ記事でコメントの掲載およびお返事致します)

 โครงการรวบรวมจดหมาย ส่งถึงริวทาโร่คุง

ณ ตอนนี้นับตั้งแต่วันที่ริวทาโร่คุง ไม่อยู่ ก็ผ่านไปได้ 7 เดือนแล้ว (บล็อกเขียนต้นเดือนกุมภาพันธ์) ทั้งๆที่จริงๆควรจะได้กลับมาเร็วกว่านี้แท้ๆ อีกทั้งเดือนเมษานี้ก็จะมีวันเกิดของริวทาโร่คุงอีก.. เพื่อการนั้นแล้ว ก็อยากสร้างโอกาสและความหวังที่เขาจะได้กลับมาในวันเกิดของเขา เราจึงอยากจะทำการรวมรวบจดหมาย(ข้อความ)และส่งถึงริวทาโร่คุงค่ะ

 หัวข้อก็คือ "เพื่อที่จะให้ริวทาโร่คุงได้เป็นคนที่มีความสุขที่สุด"

ทั้งๆที่อันที่จริง แฟนๆหลายท่านก็คงจะเขียนไปให้อยู่แล้ว แต่ทว่าก็อาจจะมีบางท่านที่อาจจะไม่ค่อยได้มีโอกาสซักเท่าไหร่ ดังนั้น เพื่อการนี้ เราจึงอยากจะทำโครงการนี้ขึ้นมาค่ะ อีกอย่างตัวเราเองก็มีความรู้สึก อยากจะเขียนจดหมาย อยากจะฝากข้อความไปหาเขาเช่นกัน เลยคิดว่าถ้าทำพร้อมๆกันแล้ว มันก็อาจจะสร้างความหวังและโอกาสที่เขาจะได้รับเพิ่มขึ้นมาด้วยอีกไม่ใช่หรอคะ อีกทั้งสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เขียน อย่างน้อยก็จะได้มีส่วนร่วมไปด้วย


กำหนดถึงวันไหนนั้นเรายังไม่ได้กำหนดค่ะ

1 คน จะส่งกี่รอบก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ ดังนั้นเราจึงทำแบบสอบถามขึ้นมาด้วย เพื่อที่ทุกคนจะได้ร่วมกันสานโครงการนี้ จะฝากข้อความมาทางบล็อกอย่างเดียว หรือจะเขียน(ข้อความของคุณ)มาทางแบบสอบถามอย่างเดียวเลยก็ไม่ว่ากันค่ะ

1 ชื่อ (นามแฝงก็ได้)
2 อายุ *ไล่แต่บนลงล่างนะคะ* ประถม-มัธยมต้น-มัธยมปลาย-นักศึกษามหาลัย-พนักงานบริษัท-ไม่อยากตอบ
3 ชอบ Johnny วงไหน *ข้อสุดท้าย* คือ ไม่ได้ชอบวงไหนเป็นพิเศษ หรือ มากไปกว่ากัน
4 ชอบใครใน Hey!Say!JUMP *สองข้อสุดท้าย* ชอบสมาชิกทั้ง 10 คนเท่ากัน - ไม่ได้ชอบใครคนใดคนหนึ่งเจาะจง
5 ข้อความถึงริวทาโร่คุง (ข้อความนี้จะถูกใส่ลงไปในจดหมายครั้งนี้ด้วย)
6 ถ้าจะขออนุญาตินำข้อความของคุณไปลงในบล็อกได้หรือไม่ *อันบนคือ ได้ ค่ะ
7 ถ้ามีคำถาม หรือ อยากแสดงความคิดเห็นกับเจ้าของบล็อกก็ลงที่นี่ได้ค่ะ
8 ต้องการ(หวัง)ว่าจะมีการตอบจดหมายกลับไหม? (ถ้ามีจะพิมพ์ลงในบล็อกให้ค่ะ)

*ข้อ 3-4 ตอบได้หลายข้อนะคะ
**ข้อ 8 สุดท้าย โซลก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าตอบว่า ต้องการ (ช้อยแรก) ไปก่อนดีกว่านะ ^^

เสร็จแล้วก็กดปุ่มสีเหลืองค่ะ

ปลื้มอ่ะ... อยากร้องไห้ ตอนนี้

 http://enq-maker.com/gIcahdN


ลิ้งค์นี้เลยนะคะ 

เนื่องด้วยโซลได้ทำการติดต่อ?กับเจ้าของบล็อกแล้วนะคะ ว่าจะขอเข้าร่วมด้วยได้ไหม จะมีปัญหาหรือไม่ว่าจะเอาไปเผยแพร่ โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่น คือจริงๆก็คิดว่าได้แน่ๆเพราะเขาก็มีเจตนาเดียวกับเรา แต่โซลก็อยากจะคุยกันชัดๆ แสดงความต้องการร่วมมือกันไปเลย แต่เนื่องด้วยเราต้องคอยคำตอบเล็กน้อย แต่สุดท้าย เราก็ได้ คุยกัน และ เขาก็ยินดีค่ะ ^^  

แต่โซลก็ปรึกษาไปว่า ยังไงเรื่องภาษาญี่ปุ่นคงยากหน่อย จะมีปัญหาไหมถ้าจะใช้ภาษาอังกฤษ เขาก็บอกว่า เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะโอหรือไม่โอ เขาก็บอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่เขาก็รู้ว่ามันอาจจะค่อนข้างเป็นไปได้ยาก อังกฤษก็ไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนตัวโซลแล้ว ถึงจะเขียนภาษาอังกฤษไปยังไง ริวก็ต้องอ่านได้อยู่แล้วอ่ะเนอะ นร.ม.ปลายญี่ปุ่นอ่านเก่ง (มีเหน็บ) แต่ก็นั่นแหละ เราจะส่งไปพร้อมคนญี่ปุ่นในฐานะแฟนๆทุกคนไม่จำกัดว่าเป็นใครและมากจากไหน ดังนั้นโซลก็คิดว่าถ้าเป็นไปได้ใช้ญี่ปุ่นก็ดีค่ะ แต่ถ้าไม่ยังไง อังกฤษก็ไม่ว่ากัน
 ดังนั้น คิดว่าคนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นคงมีมากมายค่ะ อาจจะยุ่งยากหน่อย แต่ก็ถือว่าเราช่วยกันเนอะ  ขอความร่วมมือคนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่น หรือ มีคนรู้จักที่รู้ภาษา ให้ช่วยหน่อยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ ให้ติดต่อหลังไมค์หาโซลหน่อยก็ได้ อยากจะให้ช่วยกันแปลแล้วส่งไปน่ะค่ะ แต่แน่นอนเวลาส่ง(เข้าไปทำแบบสอบถาม) ให้ทำกันเองนะคะ เพราะโซลแปลให้หมดแล้ว เหลือแต่พวกข้อความเท่านั้น โซลก็ปกติก็ว่างอยู่แล้ว (นั่น) อีกทั้งตอนนี้จบเทอมแล้วค่ะ เหลือแต่สอบกับงานโรงเรียน ดังนั้นจึง ช่วยได้ค่ะ แต่แน่นอนโซลคนเดียวก็ไม่ไหวอ่ะนะ เหอๆ

ช่วยกันนะคะ ฟังดูยุ่งยาก แต่โซลเชื่อว่า เพื่อนๆแฟนจัมพ์ทุกคนไม่คิดว่ามันจะยุ่งยาก ถ้าจะทำอะไรแค่นี้เพื่อริวอีกครั้ง เหมือนก่อนที่เราทำกันปีที่แล้วจริงไหม?^o^ วันนี้ก็ครบ 8 เดือนพอดีแล้วนะ ก็ดีนะ ฤกษ์ดีที่จะเริ่มทำอะไรกันอีกครั้ง อย่างน้อยก็ๆ ก็แค่ให้กำลังใจ และบอกให้เขารู้ว่าเขามีคนที่รักและรอเขาอยู่เหมือนเดิมก็พอ นะ ^^

สถานที่รับช่วยแปลหรือเขียนข้อความนะคะ (อย่ายาวมากนะ)

Patty Zaol เฟสบุ๊คนะคะ (โพสหน้าวอลเลย และ เฟสบุ๊คคนอื่นๆที่จะรับช่วย ติดต่อกันเองได้เลยนะคะ ส่วนโซลจะ ช่วยอัพบอกว่าใครบ้าง หน้าเฟสโซลเรื่อยๆ)
กรุ๊ป We love & support Ryutaro! ในเฟสบุ๊คนะคะ
Zaol_chan ทวิตนะคะ ทวิตอาจจะยากหน่อย (เล่นไม่ค่อยเป็นด้วย) แต่ให้เผื่อไว้นะ ^o^ 

ส่วนใครต้องการแสดงความคิดเห็นอะไร ก็โพสผ่านทางนี้ได้เลยค่ะ แต่ถ้าเรื่องแปลขอให้เน้นเฟสบุ๊คเน้อ 
 
**เรื่องความคิดเห็นหรือให้กำลังใจเจ้าของบล็อกเขา หรือแบบจะพูดอะไรก็ในแบบสอบถามได้เลยนะคะ โซลคิดว่าอังกฤษคงไม่มีปัญหา ^^ หรือฝากทางโซลก็ได้ แสดงมารยาทว่าคนไทยเป็นคนดี กร๊าก (รึเปล่า) หุหุ

ช่วยกันนะ เขาก็ไม่รู้จะปิดรับเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่น่าจะเกิน มีนาแหละ เร็วๆหน่อยนะ

ตอนนี้ยอดรวม 162 คนแล้ว^w^b


ขอนิดนึงเรื่อง โปรเจคนะคะ อย่าเขียนยาวมาก เพราะเราจะรวมเป็นเมสเสจกับคนอื่น แล้วก็ อย่าเขียนเรียกร้องว่า ให้กลับมาเร็วๆ อยากให้แบบให้กำลังใจ และบอกว่ารออยู่ หรือ อะไรทำนองนี้มากกว่าค่ะ โปรเจคเราคือ "ขอให้ริวกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุด" นะคะ ^^ คาดว่าแฟนๆที่นู่นก็เขียนแบบนี้กัน ยังไงก็ฝากด้วยนะ เดี๋ยวโซลจะโดนด่า (นั่น) นะ เราไม่รู้เบื้องหลังเป็นยังไง เลยไม่อยากให้เขียนคำว่า อยากให้รีบกลับมาไรทำนองนี้ ฝากด้วยนะ ^^ ฝากบอกต่อด้วย


.

.

.

ต่อไปมีบล็อกของอีกคนนึง คนนี้ขอบอกไว้ก่อน ว่าเขาเป็นแม่ลูกสองที่แต่งงานแล้วค่ะ...ตกใจรึเปล่า?ตอนแรกที่อ่านบล็อกของเขา ก็รู้สึกว่าคำพูดเขาเหมือนคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว บวกอะไรหลายๆอย่างทำให้อดคิดไม่ได้ว่า อาจจะแต่งงานแล้ว พอไปอ่านโปรไฟล์ดู ก็จริงๆด้วย แต่นะ มันเป็นอะไรที่...เด็กๆอย่างเราอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้

最近あったこと。
お友達から電話、恋話聞いてて、、突然
「そういえばJUMPってかっこよくなったねぇ初めて思ったわ」と言われたり、、
(多分森本龍太郎くんが大好きって私が言ってたのは忘れていて、今いないことにも気づいていない・・
Hey! Say! JUMPが好きという事は覚えていたみたい)



ไม่นานมานี้เอง จู่ๆเพื่อนก็โทรศัพท์มาชวนคุยเรื่องความรักนู่นนี่อะไรเรื่อยเปื่อย (ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของแม่บ้านญี่ปุ่น) และบังเอิญจู่ๆก็เพื่อนก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

"นี่ จะว่าไป JUMP น่ะ เดี๋ยวนี้เท่ห์ขึ้นเยอะเลยนะ ต่างจากที่คิดเอาไว้ตอนแรกเยอะเลย" (ตอนนั้นฉันคิดว่าเพื่อนคงนี้คงจำได้แค่ว่าฉันชอบจัมพ์ แต่ลืมเรื่องที่คนที่ฉันชอบที่สุดนั่นก็คือ ริวทาโร่คุง และก็ยังไม่รู้สึกตัวถึงตอนนี้ที่ ริวทาโร่หยุดพักงานไปแล้ว)
パートが一緒の人に美男ですねから玉ちゃんが好き~と待ち受け見
せてもらったり。。
そんな時、心が固まって何も言えなかった。

ตอนนั้น ฉันมีความรู้สึกอยากจะพูดอยากจะอธิบายเหลือเกินว่าเธอลืมอะไรไปรึเปล่า? แต่ทว่าตอนนั้น เขากลับชวนคุยเรื่องอีกอย่างต่อ ฉันเลยต้องอดทนเก็บเอาไว้


龍ちゃんのこと変に誤解されたくないという思いが働いて、今は周りに大好きなこと言えない自分がいます。
何人グループ?と聞かれるのも説明するのもなんだし、避けています。

私、龍ちゃんを好きでいることが自慢なんです(真面目)
Hey! Say! JUMPを好きでいることが自慢(大真面目)

ฉันในตอนนั้นมีความรู้สึกว่า ไม่อยากจะให้ใครเข้าใจอะไรผิดแบบแปลกๆกับริวจังที่ฉันชอบ แต่ทว่าฉันในตอนนั้น ยังเป็นคนที่ไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปให้คนอื่นได้เห็น หรืออย่างตอนที่ถูกถามว่า "กลุ่มนี้มีกี่คนหรอ?" ฉันก็ยังรู้สึกลังเล ที่จะต้องหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่ทว่าสิ่งที่ฉันกล้าพูดได้อย่างเต็มปากในตอนนี้ นั่นก็คือ


ฉันภูมิใจที่ฉันชอบริวทาโร่

ฉันภูมิใจที่ฉันได้ชอบ Hey!Say!JUMP 
 
だから、コメントを読ませていただいて、
正直にこの大好きな想いや淋しさや悲しさ綴れるのはこのブログだけなんだって気づかされ、
皆に悲しい気持ちを思い出させる時もあるかもしれないけど、
龍ちゃんのこと大好きって気持ちここで語ろうと思いました。

ดังนั้น ฉันจึงอยากจะให้ทุกคนได้อ่านบทความนี้ของฉัน แม้ว่ามันอาจจะทำให้หลายๆคน นึกได้ถึงทั้งความรู้สึกที่เรียกว่าชอบ ความเหงา หรือความเศร้า(เรื่องของริว) จากบล็อกนี้ก็ตาม แต่ฉันก็อยากจะบอกเล่าความรู้สึกดีๆ ที่ ฉันชอบริวทาโร่เอาไว้ ณ ที่บทความ บทความนี้

同じグループの子たちを好きになってここで繋がれた、すごい奇跡ですよね。

私と同じママさんたち、若い世代の子たち、異性の方、、きっと縁があるから繋がれたんだなぁ。

จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์นะ ที่เรื่องแบบนี้ (การชอบไอดอล) จะทำให้ใครหลายๆคนได้รู้จักกัน ทั้งฉันและเหล่าพวกแม่บ้านทั้งหลาย ทั้งเด็กวัยรุ่นๆ หรือแม้แต่แฟนๆที่เป็นเพศตรงข้าม ต่างคนต่างก็มีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันอยู่

それもこれも、龍ちゃんを好きになったからだよね。
龍ちゃんありがとう~。
好きになってよかった。
改めてそう思えた1日でした。
皆さんのおかげです。
どうもありがとうございます。
あの子の帰りを待とうと思います。

そして、きっと私たちが思う以上に
大きな試練を前に頑張ってる龍ちゃんにも声援をよろしくお願いします


ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็เริ่มมาตั้งแต่ที่ฉันชอบริวจังนั่นแหละ 
ขอบคุณนะริวจัง~ดีจริงๆ ทีได้ชอบหนู
สรุปแล้วนี่ก็คือสิ่งที่ฉันนั่งคิดมาตลอดหนึ่งวันนี้ค่ะ นั่นก็เป็นเพราะทุกคนนั่นแหละ ขอบคุณมากนะคะ เรามามารอวันที่เด็กคนนั้นจะกลับมาด้วยกันเถอะค่ะ

สุดท้ายฉันคิดว่า ริวจังคงจะต้องกำลังต่อสู้อยู่กับอุปสรรคและวิกฤตที่พวกเราทุกคนอาจจะคาดไม่ถึงอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นเรามาช่วยกันส่งเสียงเชียร์ให้เขาผ่านสิ่งเหล่านั้นไปให้ได้ด้วยกันเถอะค่ะ!

.

.

.
เป็นยังไงบ้างคะ?ขอโทษนะคะอาจจะแปล งงๆ บ้าง และก็ตัดข้ามอะไรไปเยอะเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มุมมองของคนแต่งงานมีลูกแล้วเนี่ย ก็ต่างจากเรานะว่ามั๊ย? คือต่างยังไง?มันหมายถึงคิดเหมือนกัน แต่มุมมองกับการถ่ายทอดคงไม่เหมือนกันมั้ง?ดูแล้วคนนี้ก็คงไม่แก่มากหรอก คิดว่าคง ไม่น่าเกิน 30 แหละ ไม่รู้นะ ฮ่าๆ อยู่โอซาก้าซะด้วย น่าไปเจอ (ถ้าเจอแบบโฮสเก่าทำไงดีฟระ กร๊าก)

อ่านๆก็อาจจะงงๆที่คุณมะม๊าแกพูดบ้างอะนะ แต่ใจความหลักๆ โซลคิดว่า ก็คงจะเป็น ตัวอักษร สีเข้มที่โซลเน้นเอาไว้ล่ะมั้ง อ้อ สายสัมพันธ์ของแฟนๆ กับ กำลังใจถึงริวด้วย (สรุปทุกอย่างสำคัญหมด) ฮ่าๆ!

มีแต่เรื่องดีๆพร้อมกับ รูปน้องที่ออกมาเนอะ ฮ่าๆ~ (ยังยิ้มไม่หุบเรื่องนี้ ฮ่าๆ)

.

.

.

จะเล่าให้ฟังน่ะ ว่า ตอนนี้ในเว็บแฟนคลับของ JFC เพจของแฟนจัมพ์ ยังมีชื่อริวอยู่นะ ^^ โซลจะเช็คทุกวันเลย เพราะงั้น มาหวังกันต่อไปนะ แม่โซลบอกว่า ถ้าคนเรายังมีความหวัง พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา... เพราะคนที่ไม่มีความหวัง คือคนที่ตายไปแล้ว (พระเจ้าเลยไม่ช่วย เหอๆ) ไม่ได้เป็นคริสต์นะ แต่มันเป็นคำที่จำมาตลอด

โอเคว่า ความหวังก็ให้โทษถ้าเราคาดหวัง เพราะฉะนั้น หวังไว้ แต่ห้ามคาด (เอ๊ะยังไง) ฮ่าๆ!


 

อันนี้เป็นหลักฐาน กร๊ากกก อันนี้เอาไว้สำหรับแฟนคลับ ที่อยากเปลี่ยนเมนของตัวเองในประวัติน่ะ ^^ตอนแรกที่สมัครว่าจะเขียนชื่อริว แต่ว่า ในใบสมัครเขาให้เขียนชื่อเลยไม่มีให้เลือก เลยไม่แน่ใจว่าจะได้มั๊ย แต่ตอนนี้รู้และ เดี๋ยวรอจะเปลี่ยน ตอนนี้เช็คไรนิดนึงก่อนว่าเปลี่ยนได้ยัง ฮ่าๆๆๆ (สงสารเรียวจัง) เหอะ แฟนมันเยอะ =3=!

.

 

.

สุดท้าย ขอพูดไรอย่างดิ (มาแล้วๆ ดราม่าแหง) =_= มองโซลเป็นคนงั้นหรอ กร๊ากกก!ก็นะ วัยรุ่นก็เงี้ย หุหุ

 เรื่อง จัมพ์ 10 คน หรือ 9 คนน่ะ นึกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บวกกับ เรื่องของคุณมะม๊าด้านบนเขาก็พูดเรื่องนี้พอดี แล้วแฟนๆคนอื่นๆก็มาเม้นกันพอดี เลยอยากจะเขียนไปเลย

 ตั้งแต่ที่จัมพ์เหลือกัน 9 คนมา มันมักจะมีคนหลายพวกเกิดขึ้น

1.แอนตี้ 9 คน 10 คนโอนลี่

2. 9 คนแล้วไง? ก็จัมพ์นี่ 

3. พวกชอบเบียดเบียนชาวบ้านเขา?


สรุปใครมันแย่กว่ากัน? (เดี๋ยวนี้พูดคำรุนแรง) อืม... ส่วนตัวแล้ว ไม่ใช่พวกไหนเลย (อ่าว) แน่นอน หลายคน คงเป็นพวกเดียวกับโซลนะ คือ

4. ปากบอกว่า รับไม่ได้กับ 9 คน แต่ในใจยังไงก็รัก เพราะไม่ว่าจะ 9 หรือ 10 ก็คือจัมพ์ที่เรารักมาเสมอ เพียงแต่มันไม่ครบ มันขาดคนที่เป็นที่รักไปอีกคน เลยเสียใจ และไม่อยากจะยอมรับได้ว่า อาจจะไม่ได้เห็นคนอีกคนนั้นอีกแล้ว


จะว่าไปมันก็พูดเหมือนทำให้ตัวเองดูดี? แต่มันก็คือความคิดจริงๆในตอนนี้

แน่นอน ว่าโซลไม่ใช่พวกโอนลี่ เลยไม่สนับสนุนทั้ง ฝ่าย สิบ โอนลี่ หรือ เก้าก็ไม่มายด์ จึงแค่อยากจะพูดในฐานะตัวโซลคนนี้ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ถ้าอยากเกี่ยวก็ตามใจ (นั่น) โซลอ่ะ เริ่มแรกเดิมที เมน (ไม่อยากจะใช้คำนี้) คนที่โซลชอบและติดตามตลอดเวลา คือเรียวจัง และ พี่ไดกิง แต่ก็รักความเป็นจัมพ์ และรักสมาชิกคนอื่นๆที่เหลือไม่ต่างกัน

สำหรับริว ตลอดมา ยอมรับว่า ชอบริวเพราะว่า ฟิค (ซึ่งหลายคนก็คงจะเหมือนกันนะ ไม่แปลก) ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ชอบริว แต่หมายถึง ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร แต่ตั้งแต่อ่านฟิค และแต่งเอง มันก็เริ่มผูกพัน จนต้องมองออกมานอกจอและศึกษาเขา จนทำให้เขาได้ตำแหน่งพิเศษไปโดยไม่รู้ตัว...

ว่าไปมันก็เคลิ้มแล้วก็อินแหละพูดให้ดูเข้าใจ ตัวโซลเองก็รุ่นราวคราวเดียวกับ 7 แน่นอนว่ากับเคย์โตะ เรียวจัง สองคนนี้เป็นพี่โซลหนึ่งปีเต็ม แต่จี้จังกับยูโตะ ก็พอๆกับโซลนั่นแหละ ดังนั้น สำหรับคนที่ติดตามกันมา เบสท์คือพี่ชาย เซเว่นคือพี่น้องที่อายุเท่ากัน และริวคือน้องชาย มันคงราวๆนี้ แต่น้องชายนั้นมีแค่คนเดียว รวมถึงอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้รัก จนริวเดินขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งพิเศษที่ไม่ใช่เรียวจังและพี่ไดกิง

จะให้ตอบว่า เป็นเมนก็ได้นะ มันก็นั่นแหละ โซลก็มั่นใจว่ารักริวไม่ต่างกับที่เมนจริงๆที่เขารักริว แต่ก็คงจะต่างกันบ้าง เพราะเรียวจังกับพีไดกิงที่เป็นเมนมาตลอดตั้งแต่ชอบมานั้น ยังอยู่ เลยโอเคที่จะมองจัมพ์ต่อไป โดยไม่เสียใจอะไรมาก

อาจจะมีคนแย้งว่า สุดท้าย เธอก็เหมือนกัน บอกว่าจัมพ์ในตอนนี้ไม่ใช่จัมพ์เลยรับไม่ได้... คิดแค่นั้นก็คิดไป วู้ว =.= ก็บอกแล้วไง ว่า ไม่ใช่รับไม่ได้เพราะเขาไม่ใช่จัมพ์ แต่ รับไม่ได้เพราะเสียใจที่ไม่เห็นคนที่รัก อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าแค่นั้นเอง เข้าใจกรุบ้างสิโว้ย!!!! ฮ่วย! =.=!!! (อุ๊ยหลุด) กร๊าก ตามนั้น

สำหรับโซลนะ เวลาโซลมองจัมพ์น่ะ โซลไม่ได้มองจำนวนแต่แรกหรอก (มันเยอะไป) แต่เพราะมันเยอะ โซลเลยมักจะมองจัมพ์เป็นกลุ่มก้อนหนึ่ง (ฟังแลดูน่าเกลียด = =) ดังนั้น ไม่ว่าจากนี้ไป จัมพ์จะมีกี่คน จัมพ์จะเพิ่มหรือขาดไป ยังไง จัมพ์ก็คือจัมพ์ของโซลตลอดไป... ไม่แน่ซักวัน เรียวจังอาจจะต้องออกไปเหมือนพี่พี พี่เรียว หรือ จินจินก็ได้ ใครจะรู้? แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าวันนั้น เรายังรักกันอยู่ โซลก็จะรักจัมพ์ต่อไปนั่นแหละ ทีนี้เข้าใจกันบ้างรึยัง?

ที่เวลาพูดออกสื่อเช่นว่า มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่โง้นไม่งี้อ่ะ ศัพท์วัยรุ่นตอนนี้เขาเรียกว่าไร? "เวิ่น" "เพ้อ" "ดราม่า" "ฟิน?" ซักอย่าง มันก็ตามนั้นแหละ 

 เพราะอย่างนั้น ถึงไม่ชอบที่ใครจะมาพูดว่า ถ้าไม่ใช่ 10 ก็ไม่ใช่จัมพ์ หรือ 9 คนก็ไม่เห็นแคร์ เพราะนั่น มันเหมือนการจะบอกว่า ไม่ชอบจัมพ์ กลุ่มคนกลุ่มนึง (ที่ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่เพราะมันเยอะเกินไป) ที่โซลรัก อย่างแท้จริง ดังนั้น... (ดังนั้น?) ไปดูคอมเม้นบล็อกมะม๊ากันต่อ (แป่ว!) =.= มันนึกไม่ออกแล้วอ่ะ กร๊าก

 อ้างอิง ที่มะม๊าพูดเรื่องที่ว่า "เวลาที่ถูกถามว่า จัมพ์มีกี่คน?" น่ะ รู้สึกยังไง จะตอบอะไร ก็มีคนมาเม้น ชอบมากเลยล่ะ

 ทุกคนจะเม้นทำนองเดียวกันหมดว่า

 "เป็นเรา ก็จะตอบว่าตอนนี้ทำงานกัน 9 คน แต่จริงๆมี 10 คน อีกคนไปพักอยู่" (อันนี้แนวเดียวกับคนไทย)

"10 คนสิ! =3=/" (อันนี้เกรียน กร๊าก)

"จัมพ์น่ะ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน ก็ 10 คนค่ะ" (ใจเธอหล่อมาก T^T!)


แนวนี้แหละ ฮ่าๆ ดังนั้น ใครที่เป็นอย่างสามพวก ที่โซลกล่าวไว้ด้านบน อาจจะหงุดหงิดโซล แต่อยากให้ลองฟังเอาไว้ละกันนะ... จากแฟนคลับคนนึง ที่ไม่เกรียน (นั่น)


โซลรู้ว่า ทุกคน รักจัมพ์นะ แต่บางทีการแสดงออกของเราบางคน อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปบ้าง แน่นอนว่าจริงๆไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร แต่บางทีพอนึกถึงหน้าจัมพ์ เวลาเราพูดแนวๆที่ว่า เรารับจัมพ์ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่สิบคน หรือ จัมพ์เก้าคนก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ ไม่แคร์อยู่แล้ว นึกๆแล้ว ถ้าโซลเป็นจัมพ์ โซลเจ็บนะ แน่นอนเขาคงไม่ได้ยินหรอก ถึงได้ยินก็ฟังไม่ออก แต่มันมีคุณค่าทางจิตใจนะ ^^


พิมพ์เหนื่อย ยังเซ็งอยู่ ครึ่งวันของกรุ ไปอุดอู้หนาวปางตายตั้งสองชั่วโมงกว่า =.= วันนี้ก็ไปวิ่งมา จบซักที หนาวชิบๆ วันนี้หนาวมาก ตอนเช้าที่วิ่งคง ไม่น่าเกิน 1 องศา แขนสั้น ขาสั้นอีก แต่ก็ผ่านมาได้และ เหอๆ


**เห็นว่า วันพิธีจบของ 3 Y จูริกับริวไปนั่งร่วมพิธีด้วยนะคะ เห็นว่าดูสบายดี ^^ แต่นะ ที่ญี่ปุ่น (ที่ไทยก็เหมือนกันแหละมั้ง) พิธีจบม.6 ชั้นอื่นจะไม่เกี่ยว แต่ถ้าอยากไปร่วมก็ขอครูได้ แสดงว่าริวเนี่ยเป็นน้องที่ดีเหมือนกันนะเนี่ย? ฮ่าๆๆ! 


มีแต่คนขอบคุณจูริ ที่คอยอยู่ข้างๆน้อง ปกติก็ชอบจูริอยู่แล้ว (หน้ามันได้ใจดี เต่าน้อยของพี่?) ตอนนี้กลายเป็นเทพเจ้าจูริไปแล้ว กร๊ากกก!!!

 

でわ OVER? << เลียนแบบแฟนที่นี่ ชอบๆ


วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ถึงแฟนคลับจัมพ์///เพลงให้ริว

หลายวันมานี้อัพบล็อกตลอด = = เขียนบล็อก ก็เหมือนกับส่องกระจกแล้วคุยกับตัวเอง เพียงแต่การเปล่งเสียงออกมา มันก็อาจจะสื่อความรู้สึกส่วนลึกออกมา ไม่ได้ทั้งหมดหรอก...
หลายวันมานี้หลังจากที่อัพบล็อกล่าสุดไป ก็รู้สึกว่าได้พบคนดีๆที่เข้ามาในชีวิต และ คนไม่ดี ที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่พึ่งเห็นส่วนไม่ดีของเขาที่เราพึ่งรู้มา แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องธรรมดา

เขาไม่ผิดหรอก... เราแค่คิดไม่เหมือนกัน

เพียงแต่ มันก็ทำให้เราไม่พอใจ ซึ่งนั่นเราก็คิดว่าไม่ผิด... แต่เราก็ไม่ได้ตอบโต้

นั่งนึกไปนึกมา การแสดงความรักเนี่ย มันแสดงกันแบบไหนนะ? พูดว่า "รัก" แต่ใจจริง ไม่ได้รัก หรือไม่พูดอะไรเลย แต่ใจจริงรัก ตกลงแบบไหนกันนะ?

คำตอบก็ง่ายๆ ก็อันที่สองสิ เพราะคำพูด แม้ว่าจะสามารถสื่อสารความคิดของตัวเองออกมา ให้คนอื่นรับรู้ได้นั้น มักจะต้องสื่อผ่านคำพูด... ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว แม้ไม่มีคำพูดก็รู้สึกได้...

อยากย้อนกลับไปสมัยตัวเอง แสดงความรักให้คนอื่นเห็น มันก็เกิดรู้สึกละอาย... ว่าความรู้สึกในตอนนั้นแล้ว มันก็แค่อยากจะเอาชนะ มากกว่า การแสดงออกกับคำว่า รัก

ไม่ใช่ว่าทำแบบไม่รัก เพียงแต่ได้ใจเกินไป จนลืมว่า ทำเพราะรัก ละอายมาก ดีใจที่เลิกแล้ว ว่าแต่ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า อะไรยังไงนะ... มันนึกขึ้นได้เฉยๆ และจากนี้ก็จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว

จนถึงตอนนี้ ถ้าใครทำแบบที่เราเคยทำอยู่ เราอยากจะถามว่า "เหนื่อยมั๊ย?" เพราะตอนนั้นเราเหนื่อยมาก ไม่มีความสุขเลย แต่ก็โกหกตัวเองว่ามีความสุข หรือแม้แต่การใช้คำพูด ยังลืมการใช้คำพูดในความเป็นตัวตนของตัวเองไปเลย เนี่ย ไม่ดีเลยนะ การลืมตัวตนของตัวเองน่ะ เพราะงั้น พอเหอะ...

กลับมาอีกนิดก่อนจะนำเสนออะไรบางอย่าง ถ้าใครได้อ่านก็คงเข้าใจ บล็อกก่อนหน้านี้ที่เราเขียน เขียนเรื่องการตัดสินคน... เรื่องนั้นส่วนใหญ่ๆเขียนให้ตัวเองจริงๆ ครั้งนี้จึงจะนำมาพูดด้วย

โดยเฉพาะแฟนจัมพ์... จริงๆไม่มีสิทธิ์อ่ะนะ ขอโทษนะ มันอาจจะเสียมารยาทและก้าวก่าย แต่ถือว่านี่เป็นแค่บล็อกของคนนึงเท่านั้นละกัน ถ้าอ่านผ่านตาก็ผ่านไป ไม่ต้องเก็บไปคิดหรอกนะ

"อย่าเชื่อว่า คนที่คุณเห็นว่าเขาพูดดี ทำดี บอกนู่นนี่ว่า เขาทำเพื่อคุณ แต่ไม่หวังอะไร 
มันเป็นไปไม่ได้หรอก ลึกๆแล้วเขาหวังอยู่ จำไว้ เพราะฉะนั้น อย่าแสดงออกมา ว่า คุณรักเขา และก็ศรัทธาเขา เพราะนั่น มันจะทำให้เหลิง และหลอกใช้คุณมากกว่าเก่า" แรงอ่ะ ขอโทษนะ แต่นี่คือสิ่งที่ตัวเราคนนี้ ทำมาแล้ว ทำมาแล้วเนี่ย ไม่ใช่ฝ่ายที่ไปพูดนะ แต่เป็นฝ่ายที่ถูกความเชื่อและความไว้ใจนั้น สะท้อนกลับมา...

จริงๆแล้ว อาจจะมีใครอ่าน แล้วคิดว่า คือคนที่คุณรู้จักและไปบอกเขาก็ได้นะ เราก็ไม่รู้หรอกว่าใครจะตีความหมายของเรายังไงบ้าง ไม่ว่าจะยังไง แน่นอนว่า จะต้องมีคนโกรธและไม่พอใจเรา แต่นี่ คือการสารภาพบาปกับตัวเองเท่านั้น รวมไปถึง... คนเราน่ะ ไม่มีทางหลอกตัวเองได้หรอก ไม่ว่ายังไง ในใจจริงๆก็รู้ว่าตัวเองน่ะคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ไม่กล้าพูดกับใจตัวเองเท่านั้นเอง ว่านั่นน่ะ คือความคิดจริงๆที่ตัวเองคิดอยู่

.

.

.
นั่งดูคอน JUMPing แล้วคิดถึงน้อง TT (เปลี่ยนอารมณ์ไวชะมัด!) นั่งๆดูไปก็ยิ้ม เห็นริว (โอ้) จะว่าไป เค้าว่าเรียวจังสมัยก่อนมันหล่อกว่าตอนนี้ว่าป่ะ? = = หรือเพราะตอนนั้นมันผมยาวหว่า?

จริงๆทรงผมตอนนี้หล่อมากนะ แต่ขัดใจ มันเกาหลีเกินไป  =3= เซ็ง

ว่าแต่มีไรจะนำเสนอ มันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว... อันดับแรก เพลงก่อนดีกว่า?

มีใครรู้จักเพลง W ของ JYJ บ้าง วงที่แยกมาของดงบังอ่ะ คือนะ จริงๆเค้าก็ไม่ค่อยรู้อะไรหรอก แต่สมัยตอนอยู่ไทย ยูเมะเพื่อนสนิทเค้ารักดงบังมาก เค้าเลยรู้อะไรเยอะเหมือนกัน ตอนที่เขาต้องแยกวง จนถึงตอนนี้ ขนาดไม่ใช่แฟนคลับ ยังอดเจ็บปวดแทนไม่ได้ ถ้ามีแฟนผ่านมา ต้องบอกด้วยว่า เสียใจด้วยนะ... จากใจจริงๆ

ด้วยเหตุนั้นแล้ว JYJ แจจุง ยูจอง จุนซู (ถ้าเขียนผิดขออภัยด้วยค่ะ)ขาแต่งเพลงๆนึงให้กับ สมาชิกอีกสองคน ที่ตอนนี้แยกกันอยู่คือ ชางมิน กับ ยุนโฮ จริงๆเพลงนี้นานแล้วล่ะ แต่ชอบมาก อยากจะเอาเนื้อเพลงมาหลายทีแล้วก็ไม่ได้ฤกษ์ จริงๆอยากเอามาทำเป็นวิดิโอด้วย แต่ล้างมือนานแล้ว ทำไม่ไหว =_= เอาเป็นว่า เราไปดูเพลงกันก่อนดีกว่าเนอะ~

** เพลงนี้มีเครดิตนะ เราไม่ได้แปลเอง พอดีไปเจอมา เขาแปลสวยมากเลยเอามาเลย (นิสัย) แต่เราก็เปลี่ยนหลายที่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาแปลไม่ดีนะ = = แค่แบบ บางทีอยากใช้คำพูดตัวเอง เพราะถึงจะเปลี่ยนแค่คำพูดแต่มันก็จะทำให้หมายถึงตัวของคนของเราได้ เอ๊ะ งง ถ้ายังไงขออภัยที่นำมาเปลี่ยนโดยไม่บอกนะคะ (กลัวจัง TT) แต่ให้เครดิตเต็มค่ะ

 

*W หรือ กลุ่มดาวแคสสิโอเปีย ที่หมายถึงตัวดงบังรึเปล่า? อันนี้ไม่ทราบค่ะ แต่มันมีอีกความหมายถึง คือกลุ่มดาวที่่ใช้หาดาวเหนือเวลาเดินทาง เปรียบได้เหมือนกับ "ความหวัง" นั่นแหละ

夜空に浮かんだ 星が文字を描き出すのは
โยโซระ นิ อุคันดะ โฮชิ กะ โมจิ โวะ เอกาคิ ดาซุ โนะ วะ
ตัวอักษรบนผืนฟ้ายามค่ำคืนที่ถูกขีดเขียนขึ้นมาโดยเหล่าดวงดาว

偶然じゃないと 今もまだ信じてるよ
กูอุเซน จา นาอิ โตะ อิมะ โมะ มาดะ ชินจิเตรุ โยะ
เรายังคงเชื่อมาเสมอว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

同じ闇の中で 同じ距離のままで
โอนาจิ ยามิ โนะ นาคะ เดะ โอนาจิ คโยริ โนะ มามะ เดะ
ในขณะที่เรายังคงอยู่ภายใต้ความมืดมิดเดียวกันนี้ ในขณะที่ระยะห่างของเรายังคงมีมากอยู่เท่าเดิมอย่างนี้

Wを描き続けている
W (ดาบูรุ) โวะ เอกาคิ สึซูเคเตะ อิรุ
พวกเรายังคงเฝ้านึกถึงตัวอักษร “W”บนผืนฟ้า

君に見つかるように もっと輝くから
คิมิ นิ มิสึคารุ โยอุ นิ มตโตะ คากายาคุ คาระ
อยากจะส่องประกายให้มากกว่านี้ เพื่อที่นายจะได้หาเราเจอ

Keep in mind that I love you
จำไว้นะ ว่าฉันรักนาย

きっと
คิตโตะ...
แน่นอน...

いつか逢えるから
อิสึคะ อาเอรุ คาระ
สักวันเราจะพบกันอีก

瞳を閉じるたび君を想う
เมะ โวะ โทจิรุ ทาบิ คิมิ โวะ โอโมอุ
พวกเราคิดถึงนายทุกครั้งที่เราหลับตา

You’re everything
นายคือทุกสิ่งทุกอย่าง

君がいることが 今もまだ当たり前なんだよ
คิมิ กะ อิรุ โคโตะ กะ อิมะ โมะ มาดะ อาทาริมาเอะ นันดะ โยะ
แม้แต่ตอนนี้ นายก็ยังคงอยู่กับเราเหมือนอย่างเช่นเดิมทุกครั้งอย่างที่ผ่านมา

ただ 今は君が幸せであると願い
ทาดะ อิมะ วะ คิมิ กะ ชิอาวาเซะ เดะ อารุ โตะ เนกาอิ
แต่ทว่า ตอนนี้เราก็คงได้แค่ปรารถนาให้นายนั้นมีความสุข

僕らの階段をひとつひとつ登ってゆくよ
โบคุระ โนะ คาอิดัน โวะ ฮิโตสึ ฮิโตสึ โนบตเตะ อิคุ โยะ
ในระหว่างนั้นพวกเราก็จะคงปีนป่ายบันไดแห่งความฝันต่อไป

僕らは まだ僕らの未来を想像しながら君を待ってるよ
โบคุระ วะ มาดะ โบคุระ โนะ มิราอิ โวะ โซอุโซอุ ชินาการะ คิมิ โวะ มัตเตรุ โยะ
เพื่อรอวันที่นายนั้นจะกลับมา


*きっと
คิตโตะ...
แน่นอน...

いつか逢えるから
อิสึคะ อาเอรุ คาระ
สักวันเราจะเจอกันอีกครั้ง
瞳を閉じるたび君を想う
เมะ โวะ โทจิรุ ทาบิ คิมิ โวะ โอโมอุ
ทุกครั้งที่หลับตาลง พวกเราจะมองเห็นภาพนายเสมอ

You’re everything
นายคือทุกสิ่งทุกอย่าง

君がいることが 今もまだ当たり前なんだよ
คิมิ กะ อิรุ โคโตะ กะ อิมะ โมะ มาดะ อาทาริมาเอะ นันดะ โยะ
แม้แต่ตอนนี้ นายก็ยังคงอยู่กับเราเหมือนอย่างเช่นเดิมทุกครั้งอย่างที่ผ่านมา

いつか逢えるまで 君の居場所は守ってるよ
อิสึคะ อาเอรุ มาเดะ คิมิ โนะ อิบาโชะ วะ มามตเตรุ โยะ
จนกว่าจะถึงวันที่พวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง เราจะรักษาพื้นที่ตรงนี้ของนายเอาไว้

We love you both
พวกเรารักนายนะ

君ともう一度笑えると信じているから
คิมิ โตะ โมอุ อิจิโดะ วาราเอรุ โตะ ชินจิเตะ อิรุ คาระ
เราเชื่อว่าเราจะสามารถกลับมายิ้มด้วยกันกับนายได้อีกครั้ง


時が流れても どんな痛みが待っていても
โทคิ กะ นากาเรเตะ โมะ ดนนะ อิทามิ กะ มัตเตะ อิเตโมะ
แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านพ้นไป แม้ว่าเราจะกำลังจะพบเจอกับความเจ็บปวดมากมาย

君はいつまでも 僕たちのプライドなんだよ
คิมิ วะ อิสึมาเดะ โมะ โบคุ ทาจิ โนะ “pride (พูราอิโดะ)นันดะ โยะ
แต่นายนั้นคือ ความภาคภูมิใจของเราเสมอ

夜空に浮かんだ星に君が呟いたのは
โยโซระ นิ อุคันดะ โฮชิ นิ คิมิ กะ สึบูยาอิตะ โนะ วะ
สิ่งที่นายได้พูดวอนขอต่อเหล่าดวงดาวในผืนฟ้ายามค่ำคืนนั้น

さよならじゃないと
ซาโยนาระ จา นาอิ โตะ
มันจะไม่ใช่การเอ่ยคำ ว่า ลาก่อน

今もまだ信じてるよ
อิมะ โมะ มาดะ ชินจิเตรุ โยะ
นั่นคือสิ่งที่เรายังคงเชื่อมั่นอยู่จนถึงทุกวันนี้

同じ空の下で 同じ夢を描き
โอนาจิ โซระ โนะ ชิตะ เดะ โอนาจิ ยูเมะ โวะ เอกาคิ
ในขณะที่เรายังคงอยู่ภายใต้ท้องฟ้าผืนเดียวกันนี้ ในขณะที่เรายังคงเฝ้าวาดภาพความฝันเดียวกันอยู่นี้

Wを探し続けている
W (ดาบูรุ) โวะ ซากาชิ สึซูเคเตะ อิรุ
พวกเราจะยังคงเฝ้ามองหาตัวอักษร “W” อยู่เสมอ

同じ形のまま ずっと輝くから
โอนาจิ คาตาจิ โนะ มามะ ซุตโตะ คากายาคุ คาระ
เราจะส่องประกายในที่ๆเดียวกันอย่างนี้ ตลอดไป

Keep in mind that I love you
จำไว้นะ ว่าฉันรักนาย

逢いたくて 逢いたくて
อาอิทาคุเตะ อาอิทาคุเตะ
เราอยากเจอนาย เราอยากพบนาย

逢いたくて 逢いたくて
อาอิทาคุเตะ อาอิทาคุเตะ
เราอยากเจอนาย อยากพบนาย

逢いたくて 逢いたくて
อาอิทาคุเตะ อาอิทาคุเตะ
เราอยากเจอนาย เราอยากพบนาย

逢いたくて 逢いたくて
อาอิทาคุเตะ อาอิทาคุเตะ
เราอยากเจอนาย อยากพบนาย

逢いたくて
อาอิทาคุเตะ
เราอยากเจอนายเหลือเกิน



We all will smile again
พวกเราจะกลับมายิ้มด้วยกันอีกครั้ง




Credit:: lovefortvxq@ameblo.jp + Angel@Youtube
English Romanization & English Trans:: Angel@Youtube
Thai Romanization & Thai Trans:: daikun@exteen (~#DN_LoveR#~)


น้ำตาไหลพราก ตอนแรกที่ฟังเพลงนี้ ตอนคอน Tokyo Dome ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องริว ก็แบบอินนะ อินกับดงบังห้าคนอ่ะ แต่พอยิ่งมาเจอเรื่องริว อินไปใหญ่ เฮ้อ...

ตอนแรกจะเอาเพลงนี้มาใส่กับรูปพวกนี้ ที่แฟนๆทำให้ริว... แต่ใครก็ได้ทำแทนดี T^T




จริงๆโปสการ์ดมีเยอะกว่านี้นะ แต่ลงไม่หวั่นไม่ไหว = = จะว่าไปมันก็เรื่องไร้สาระจริงๆแหละ... ถึงเรื่องนก เราจะไม่ใช่คนคิด แต่พอเราเห็นทุกคนจริงจังและดูมีความหวังกันมาก วันนั้นจึงตัดสินใจจะรับรวบรวมให้

ทุกคนเชื่อมั๊ย ว่าตอนนั้น ห้องนอนของเรา บ้านของเรามันเต็มไปด้วยความหวังและความรักที่แฟนๆมีให้น้อง ตอนนั้นนอนไปก็แบบมีความหวังไปทุกวัน ว่าวันรุ่งขึ้นจะมีข่าวดี นอนไปก็คิดแต่หวัง ว่าเรื่องราวจะต้องไม่เลวร้ายลงไป นั่นก็คงเพราะความรู้สึกที่ทุกคนส่งมาผ่านจดหมายและกระดาษพวกนี้

ขนาดปะป๊าของเรา เวลาเราไปโรงเรียนก็จะคอยรับไปรษณีย์ให้ ยังทึ่ง ไม่นึกว่าจะมากมายขนาดนี้ เรายังทึ่งเลย มีส่งมาทุกวันอ่ะ ทุกวันจริงๆเป็นเวลาเท่าไหร่นะ 1 เดือน รึเปล่าจำไม่ได้ แต่มันสุดๆจริงๆ

ตอนนี้ถ้าถามว่า สุดท้ายริวจะเลิกจริงๆ เสียใจมั๊ย? มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่จะเสียใจมากกว่านี้ ถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่วันนั้น ดังนั้น ถึงใครซักคน ที่ไม่พอใจในสิ่งที่เราทำสิ่งไร้สาระอย่างวันนั้นอยู่เพื่อริว...เพื่อคนที่เรารัก ก็ช่วยอย่ามาแสร้งทำเป็นรักในตอนหลังด้วยเลย (<<มาไงวะ) เหอๆ = = 

มันจะส่งถึงรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะโดนทิ้งไปแล้วตั้งแต่อยู่หน้าประตูก็ได้ เพียงแต่ว่า...ขอแค่ให้ใครซักคนเห็น ว่าใคร หรือ คนพวกไหนซักพวก ส่งอะไรบางอย่างมา ให้ ริว ใน เวลาที่เขามีปัญหา เพียงแค่นั้น เขาก็ต้องรู้แน่ๆว่า ริวนั้น มีคนรักและห่วงใยมากแค่ไหน นี่คือสิ่งที่หวังจากสิ่งที่ทำไปที่สุดแล้วล่ะ

จะว่าไป มันก็แค่เหมือนเรื่องเพ้อฝันของเด็กวัยรุ่น แต่มันก็ทำให้เราเรียนรู้ถึงการที่จะทำอะไรซักอย่าง เพื่อคนที่เรารักและห่วงใย เพื่ออะไรซักอย่างที่จะทำไปเพื่อไม่ให้ตัวเองมาเสียใจทีหลัง เพื่ออะไรซักอย่างที่ดีกว่าการนั่งอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย จนถึงวันที่สายเกินแก้

นี่คือสิ่งที่เรียนรู้และไม่เสียใจกับมัน... แต่เราก็ไม่ใช่ว่า จะรักริวมากกว่าตัวเองหรือครอบครัว ได้โปรดอย่าถามคำว่า "ถ้าพ่อแม่เธอเป็นอะไรไป จะร้องไห้แบบที่เธอร้องให้เขามั๊ย?" ...มันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะโดยปกติ คนเราจะรักใครซักคน ความรู้สึกมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น อย่าเลย

ว่าแต่งงๆ เดี๋ยวดราม่า เดี๋ยวฮา เดี๋ยวซึ้ง ตกลงจะเอาไง? ก็บอกแล้วว่าตอนนี้เป็น สีเทา ไม่ได้กำลังพยายามทำตัวเป็นสีขาวหรือสีดำให้เห็น แต่ตอนนี้เป็นสีเทา...

จะว่าไปตอนนี้เขียนด้วยอารมณ์นะ... ขอโทษนะถ้าพูดอะไรไม่ดีออกไป เพราะคงจะกลับมาแก้ไขมันไม่ได้ แต่นั่นแหละ =_=b (อ่าว?)

อันที่จริง ทุกเดือนจะเขียนจดหมายส่งไปหาจัมพ์ตลอดเลยนะ คงไม่มีใครรู้ ฮ่าๆๆ! ไม่ต้องห่วง ไม่ได้เรียกร้องอะไรหรอก แค่เขียนเฉยๆ อยากคุย ไม่รู้จะได้อ่านรึเปล่า (ปวดใจ) ช่างมันเหอะ อย่างน้อยก็ได้ส่ง ได้แสดงกำลังใจ ได้ให้กำลังใจ ได้ให้ความรู้สึกดีๆ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักเราก็ตาม แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ

.

.

.

เหนื่อยจัง พอและ เดี๋ยวหงุดหงิด เดี๋ยวดราม่าไรมาอีก ต้องมาเปิดเขียนอีกแน่ กร๊ากกก

เรามาจากกันด้วยความฮาดีกว่า?




กร๊ากกกกกกกกกกก


วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คนเราน่ะ มันเป็นสีเทา ใครจะผิดใครจะถูก?///ริวทาโร่ของพี่ ข้อความของจัมพ์เมื่อ 3 ปีที่แล้วถึงน้อง//Myojo 05 ไดยามะเรียลลิตี้!

แปลกจังช่วงนี้อัพบล็อกกลางๆ สัปดาห์? แลดูถี่ๆ? ฮ่าๆ ก็นะ พอดีมีอะไรอยากพูด อีกอย่าง ปกติ การเขียนบล็อกเนี่ย ก็เรียกว่าเป็นการเขียนบันทึกประจำวันแบบอิเล็กทรอนิครึเปล่า? ถึงปกติจะไม่ขนาดนั้นก็เหอะ ฮ่าๆ

สองวันนี้เหนื่อยมาก ใช้แรงเยอะ ทั้งวิ่งมาราธอน เดินกลับบ้าน ขี่จักรยาน ทำความสะอาดห้องเรียน ขนหนังสือกลับบ้าน ไม่ไหวแล้ว ร่างกาย... แต่ต่อจากนี้ก็จะได้ชิล แล้วก็ปิดเทอมแล้ว! แต่ก็ยังเหลือวิ่งอีกรอบอ่ะนะ orz สู้เว้ย!

พรุ่งนี้กับวันศุกร์จะได้หยุดล่ะ พอดีจะมีสอบเข้าที่โรงเรียน เลยได้อนิสงค์หยุดเรียนกัน เฮ้ออ~ จะไปชินไซบาชิกับมีมี่ล่ะ ไปหาอาหารไทยกินกัน ฮ่าๆ~ จะไปซื้อของด้วย (ป่าว ซีดีจัมพ์ orz) สุดท้ายก็ซื้อ ไม่ดิ คิดไว้แต่แรกอยู่แล้ว ฮ่าๆ คือนะ ไหนๆโทรศัพท์มือถือก็มีแล้ว ก็อยากใช้สิทธิ์บ้างอะไรบ้างแค่นั้นเอง ที่อยู่ บ้านญี่ปุ่นก็มี ส่งข้อความไปขอ JUMParty บ้าง ก็ดีไม่ใช่รึไง? แลดูเห็นแก่ตัว ฮ่าๆ

จะว่าไป สังเกตดูช่วงหลัง (มั้ง) ถ้าไม่เขียนเกี่ยวกับจัมพ์ก็จะไม่มีคนเข้ามาสินะ ฮ่าๆๆ! ก็นะไม่แปลก อีกอย่าง ก็ไม่นึกว่าคนจะเข้ามาอยู่แล้ว = = แบบนะ ปกติคนเราเขียนบล็อกส่วนตัวกันเนี่ย มีคนตามอ่านด้วยหรอ? เว้นแต่ จะเปิดบล็อกเพื่ออะไรซักอย่าง หรือ คนดัง จริงมะ? จะว่าไปก็เหนือความคาดหมายเหมือนกัน ถึงจะไร้สาระ เอาแต่ใจ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ทุกคนเข้ามาอ่านนะ ^^ เอ๊ะ หรือเราจะเป็นคนดังหว่า? กร๊าก

แต่ก็นั่นแหละ...บางที การแสดงออกเรื่องส่วนตัวออกสื่อ? และให้คนอื่นมาอ่าน บางที มันก็ให้โทษกับตัวเองเหมือนกันนะ

พูดอะไรแปลกๆ ฮ่าๆๆๆๆ ก็นะ~ ไม่รู้ว่าทุกคนสังเกตเห็น หรือ อะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ ปรกติ คนเราจะเขียนอะไรออกสาธารณะที ก็ต้องคิดถึงภาพพจน์หรือระวังคำพูดอะไรทำนองนี้ใช่รึเปล่า? ไม่ได้จะว่านะ มันเป็นเรื่องปกติจริงๆ เรามาเขียนบล็อกนี้ ก็มีบ้างเล็กน้อยที่ระวังคำพูดหรือไม่พูดอะไรทั้งหมด แต่ 95% ในบล็อกนี้เป็นตัวตนที่แท้จริงของเราจริงๆ

คิดว่าทุกคนคงรู้นะ เพราะ บล็อกแต่ละบล็อก คำพูดมักจะออกมางงๆ วนไปวนมา เหมือนไม่ได้ผ่านการคิดอะไรมาเลย ก็ใช่ ไม่ได้ผ่านอะไรเลย แค่เปิดแล้วก็พิมพ์ตามที่คิดแค่นั้นเอง ฮ่าๆ

แต่เพราะมันเป็นตัวตน มันถึงมีทั้งขาวและดำ เคยได้ยินรึเปล่าว่าคนเราน่ะ มันเป็นสี "เทา" แล้วมันหมายถึงอะไรล่ะ? มันก็หมายถึงว่า เดิมทีทุกคนเป็นสีขาว และ ถูกสีดำเติมลงไปเท่านั้นเอง...

แล้วสีขาวมหาศาลเหล่านั้นจะกลายเป็นสีเทาได้ นั่นก็เพราะว่า สีดำมันถูกเติมลงไปเยอะ เราพูดถูกรึเปล่า? แน่นอน ถ้าเราระวังตัว เวลาที่เราแสดงออกต่อหน้าคนอื่น เราจะเป็นสีขาวหรือสีดำก็ได้ แม้ว่าตัวตนจริงๆของเราจะเป็นสีเทาก็ตาม

สุดท้ายที่อยากจะพูดก็คือ เพราะว่าตอนนี้ ที่นิ้วของเราสัมผัสแป้นพิมพ์ลงไป มันคือสถานะของเราที่เป็นตัวตน ดังนั้นสิ่งที่ออกมา ก็คือ สีเทา ไม่ใช่ สีขาว หรือ สีดำ ดังนั้น มันไม่มีทางเป็นเรื่องดีๆหรือเรื่องร้ายๆด้านใดด้านหนึ่งไปเลยหรอก

อ่านมาถึงตรงนี้ คงเกิดคำถามกันในใจ "เกิดอะไรขึ้นอีก?" เกิดสิ ฮ่าๆ! จริงๆก็ไม่ได้เกิดอะไรหรอกนะ ก็แค่รับฟังมา ฮ่าๆ

แต่ไม่พาดพิง มันแค่อึดอัดใจอยากพูดออกมาเฉยๆ อาจจะอ่านไปอ่านมา มันจะดูไม่ค่อยต่อเนื่องกันนะ เพราะบอกแล้วว่าคิดอะไรก็พิมพ์ ดังนั้นก็มีงงบ้าง ลืมบ้าง ฮ่าๆ

ตอนนี้อยากจะพูดเรื่อง "การตัดสินคน" อืม ลึกซึ้งนะว่ามั๊ย? จริงๆเราก็ยังเป็นแค่เด็กนะ ปีนี้ก็แค่จะอายุ 18 เท่านั้น อาจจะพูดอะไรได้ไม่มาก หรือ ไม่ได้ถูกต้อง แต่ก็อยากจะพูดในความเห็นของเราคนเดียวเท่านั้น

ทุกคนเคยมั๊ย ที่จะไปเจอใคร ไปฟังใคร ก็จะเผลอตัดสิน และมองว่าเขาเป็นคนยังไง? จนบางทีเก็บไปคิด ว่า ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนั้น? ทำไมเขาถึงทำอะไรแบบนั้น? ก็ไม่แปลก ใครๆก็จะเผลอคิด ทั้งๆที่จริงๆตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใครเขาได้ แต่ก็จะเผลอ

แถมยังปักใจเชื่อเต็มที่ด้วยนะ ว่า คนๆนั้นเป็นแบบที่เราคิดจริงๆ ฮ่าๆ ทั้งๆที่จริงๆน่ะ ไม่ใช่... อย่างตัวเรานะ ก็เป็นอย่างที่บอกแหละ บางทีก็จะชอบคิด ชอบนึกว่าเรารู้ ทั้งๆที่จริงๆเราไม่รู้อะไรเลย แต่ก็เพราะรู้ ว่ามันไม่ควรทำแบบนั้น ตัวเองจึงตั้งกฏข้อหนึ่งขึ้นมาสำหรับตัวเอง และเพื่อตัวเองขึ้นมา นั่นก็เพื่อการดำรงค์ชีวิตที่มีความสุข เท่าที่จะทำได้

นั่นก็คือ การหันกลับมามองตัวเองก่อนเสมอ ก่อนที่จะคิดหรือทำอะไร... รู้มั๊ยทุกคน? ว่าตามหลักศาสนาน่ะ แค่ "คิด" ก็ผิดแล้วนะ ดังนั้น จึงมีประโยคๆนึงที่มักจะนึกเอาไว้เตือนตัวเองเสมอก่อนจะคิดอะไร ก็นะ มีทั้งทำได้และทำไม่ได้แหละ แต่เพราะยังไงสุดท้ายก็ต้องนึกขึ้นมาได้ทุกที ก็รู้สึกดี ดีกว่าไม่คิดจะนึกถึงมันเลย...

"ถ้าเป็นเรา...เราจะทำแบบนี้มั๊ย? ถ้าเป็นเรา...เราจะพูดแบบนั้นมั๊ย? ถ้าทำ ถ้าพูด ก็อย่าไปว่าเขา เพราะตัวเองก็เป็นเหมือนกัน ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน" นี่คือประโยคนั้นที่มักจะเตือนตัวเองเสมอ แน่นอน ว่ามันเป็นประโยคประจำใจที่เหมือนแปะติดเอาไว้ในหัว ในใจ แต่แน่นอน เวลาที่รู้สึกขาดสติ...ก็ไม่ขนาดนั้น อาจจะหมายถึง ช่วงเวลาที่สับสน ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ล่ะมั้ง เวลาเหล่านั้นน่ะ นึกอะไรไม่ออกหรอก เหอๆ

ตัวอย่างเช่น สมมุตว่ามีคนๆนึง ไปทำอะไรบางอย่าง ที่มันไม่ดี ณ ตอนนั้นถ้าตัวเองกำลังเป็นคนดีอยู่ ก็มักจะคิดในใจ "แย่จริง ใช่ไม่ได้เลย" แน่นอนว่าความคิดมันไว อาจจะเผลอคิดไปก่อน หลังจากนั้นก็จะถามตัวเอง "แล้วถ้าเป็นเรา สถานการณ์แบบนี้เราจะทำรึเปล่านะ?" อืม ทำแหงๆ...ดังนั้น ก็อย่าไปว่าเขาเลย

ประมาณนี้มั้ง... ว่าแต่พูดทำไม เกี่ยวอะไรกับสีเทา แล้วเกี่ยวอะไรกับที่จะพูดเนี่ย งง ฮ่าๆๆๆ!

แต่ว่านะ รู้มั๊ย? ว่าคนเราน่ะ มีทั้งความคิดส่วนตื้นที่มักจะเกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ กับ ความคิดส่วนลึกของจิตใต้สำนึกนะ... ไม่ได้อ่านจากหนังสือเล่มไหนมา แต่รู้สึกค้นพบด้วยตัวเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดก็คือความคิดของตัวเรานั่นแหละ เพียงแต่ความคิดส่วนตื้น มันจะเกิดขึ้นมา และหายไปอย่างรวดเร็ว ต่างกับความคิดส่วนลึกที่มันถูกฝังลงในจิตใจ

แน่นอน เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกันที่เราพูด ในกรณีที่เรา คาดหวังอะไร และมักจะเผลอคิดไปเองตามที่เราหวัง และเราก็เชื่อว่าสิ่งนั้นที่เราคิดถูกต้องที่สุด มั่นใจกับมัน ดังนั้น เมื่อเจอคนที่คิดต่าง ก็มักจะเผลอบอกว่าเขาคิดผิด เป็นต้น เรื่องนี้ ล้านเปอร์เซ็นต์ทุกคนเป็นหมดเหมือนกันแน่นอน

เรื่องนี้ลองพูดง่ายๆให้เห็นภาพ ก็เปรียบสมมุติว่ามีคน 3 คน A B C โดยที่ C คือ บุคคลที่ 3 ยังไงลองนึกภาพตามเรานะ

A C เอ บอกว่า ซี เป็นคนที่ร่าเริงสดใส ชอบทำตัวไร้สาระ แต่มักจะเอาจริงเอาจังมากเวลาทำงาน ซึ่งพูดตามตรง เขาก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว ซี เป็นคนยังไงกันแน่ แต่เขาก็มองอย่างนี้ ตอนนี้เขามองเห็นด้านของซีทั้งสองด้าน ทำให้เขาปักใจเชื่อ ว่านี่แหละคือทั้งหมดของซี แต่เขาอาจจะลืมไป ว่าคนเรา มีหลายด้าน โดยเฉพาะด้านที่ไม่แสดงให้ใครเห็น

B C  ส่วนบี ก็บอกว่า ซี เป็นคนที่ร่าเริงสดใส ชอบทำตัวไร้สาระ แต่เมื่อมาเห็นซีตั้งใจทำงาน เอาจริงเอาจังมากๆ ทั้งๆที่ใจลึกๆก็รู้ว่าเขาเป็นคนจริงจัง แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาทำหน้าจริงจังใส่ ก็จะเผลอคิดไม่ได้ว่า เขาเย็นชา และเสแสร้ง แต่นี่เป็นแค่ความคิดส่วนตื้นที่เผลอคิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ ซึ่งความคิดส่วนตื้นนั้น ก็มักจะตื้นมาก จนแสดงออกออกมาให้คนอื่นเห็น เรียกง่ายๆว่าอารมณ์ชั่ววูบ

เมื่อเอ กับ บี ที่มีความคิด หรือ เรียกอีกอย่างว่า ความปักใจ ที่ต่างกัน ก็มักจะแน่นอน ที่จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะรู้สึกติดขัด

A B เอ เลยบอกว่า บีคิดผิด และ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบีต้องคิดแบบนี้ เอ บอก บี ว่า อย่าคิดไปเอง ทั้งๆที่จริงๆ เอ ก็ไม่ได้รู้ตัวว่า เอ ก็คิดไปเองเหมือนกัน

สรุปแล้ว A คิดไปเองตรงไหนบ้าง?

1. A คิดไปเองว่า ตัวเองมองเห็นส่วนของซีหมดแล้ว จึงไม่ได้นึก ว่าสิ่งที่บีมองเห็นอยู่ก็อาจจะเป็นด้านอีกด้านนึงของ ซี จริงๆก็ได้ แต่นั่นก็เพราะมันเป็นส่วนที่เหนือความเชื่อของตัวเอง จึงคิดว่าสิ่งที่บีคิดนั้น มันผิด เปรียบเสมือนกับ กลิ่นที่เขาไม่ได้กลิ่น งง รึเปล่า? สมมุติว่า เราสองคน (เราคนที่เขียนบล็อกอยู่ตรงนี้ กับ คุณ ที่กำลังนั่งอ่านอยู่ตอนนี้ กำลังยืนอยู่ในบ้านที่พึ่งทำความสะอาดเสร็จ) เราบอกคุณว่า เรารู้สึกหอม เราได้"กลิ่นน้ำยาทำความสะอาด" กับ "กลิ่นดอกไม้" ที่พึ่งถูกนำมาเปลี่ยน แต่คุณกลับบอกเราว่า คุณได้"กลิ่นเหม็นอับนิดๆ"ในบ้านหลังนั้น ทั้งๆที่เรากลับไม่ได้กลิ่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้กลิ่น เราเลยคิดว่า คุณน่ะ จมูกไม่ดี ทั้งๆที่จริงๆแล้ว คุณอาจจะได้กลิ่นจริงๆก็ได้ 

2. A คิดไปเองว่า สิ่งที่ตัวเองได้ฟังจากบี (ที่บีบอกว่าบีคิดว่าซีอาจจะเสแสร้ง) นั้น คือ ความคิดจริงๆทั้งหมดของบี เอจึงคิดว่า บี เป็นคนที่ไม่เปิดกว้างและชอบทึกทักไปเอง ทั้งๆที่จริงๆแล้ว สิ่งที่เขาได้ฟังจากบี เป็นแค่ความคิดส่วนตื้นของบีเท่านั้น มันคืออารมณ์ชั่ววูบของบีเท่านั้น แต่เอ คิดว่า นั่นคือ สิ่งที่บีคิดทั้งหมดจริงๆ

สรุป พ้อยของเรื่องนี้คือ A นั่นแหละ ว่าแต่ เรื่องราวฟังดูเหมือนมีมูลฐาน? ฮ่าๆ

สุดท้ายแล้ว การคิดไปเองเนี่ย มันก็ไม่ดีจริงๆนะ... แต่คนเรามันห้ามกันไม่ได้หรอก อีกทั้ง ในโลกนี้ไม่มีใครคิดผิด ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง มีวิธีที่คิดอยากจะช่วยตัวเอง วิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายใจ ซึ่งถ้ามันไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราก็ไม่คิดว่ามันจะแย่หรอกนะ ^^

แน่นอนนะ ว่าถ้า เรามารู้ว่า คนอื่นคิดยังไงกับความคิดของเรา หรือวิธีการของเรา เราก็คงจะรู้สึกเสียเซลฟ์ หงุดหงิด หรืออะไรหลายอย่าง แต่มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ตัว เพราะตัวของเราเอง ก็คือตัวของเราเองนั่นแหละ ถึงแม้จะทำใจคิดยาก แต่ถ้าปล่อยไปไม่นาน ความรู้สึกอยากแก้ตัว อยากอธิบายก็จะหายไปเอง

ปะป๊าของเราสอนเอาไว้ว่า "ไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดกับเรายังไง เพราะเรารู้ตัวของเราเองดีที่สุด ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่ผิด ซักวันสิ่งนั้นมันก็จะแสดงออกมาให้เขาเห็นเอง ว่าจริงๆแล้วแท้จริงนั้น เราเป็นคนยังไง แต่ถ้ามันไม่มีวันนั้น เพราะต่างคนต่างก็จะลืมกันไป ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะคนเราเกิดมาก็อยู่กันได้ไม่นาน ก็จากกันไปแล้วล่ะ" เป็นสิ่งที่ทำยากแต่ถ้าทำได้จะดีมาก ดังนั้นก็พยายามทำอยู่จนถึงตอนนี้

การเขียนครั้งนี้คงจะไม่มีคนอ่าน เพราะมันน่าเบื่อ แต่ก็จะเขียนเอาไว้ เตือนใจตัวเอง เวลามีอะไรขึ้นมาบางครั้ง แต่ถ้ามีใครซักคนได้ลองอ่านตรงนี้ เราก็หวังว่ามันจะช่วยให้มีแนวทางอะไรในการดำเนินชีวิตได้บ้าง เราก็ยังเด็กยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย แต่เราก็คิดว่า สิ่งที่เราพิมพ์ไปในตอนนี้ มันก็น่าจะช่วยอะไรได้ อย่างน้อยๆจนถึงตอนนี้ที่ใช้หลักนี้มา มันก็ทำให้เรามีความสุขขึ้นได้จริงๆ

ความทุกข์ ไม่พอใจ เสียใจ คุ้มคลั่ง เกิดขึ้นได้เสมอ และทุกเวลา แต่สุดท้ายเมื่อมีสติและควบคุมตัวเองได้แล้วมันก็จะหายไปเอง ดังนั้นสิ่งที่พิมพ์เอาไว้วันนี้ จะถือเป็นทางเล็กๆทางนึงที่จะมีไว้เดินในระหว่างทางเชื่อมต่อกับความทุกข์ กับ ความสุขละกันนะ

.


.


.
วันนี้ดราม่าเรื่องริวอีกแล้ว (มาไง) ดราม่าบ่อยจัง วัยรุ่น (ตบไหล่ตัวเอง) ฮ่าๆ ระหว่างกำลังนั่งดู Ichiban song รายการที่จัมพ์ออกอยู่ (ไม่รู้เต้นไปรึยัง ลืมเปิด กร๊าก) เราก็มาพิมพ์เรื่องริวริว เป็นไงล่ะ ทีนี้ JUMP ก็ครบ10 คนพอดี (อะไรของแกวะ!?)

พอดีนั่งอ่านทรานส์เก่าๆสมัยที่ยังแปลแมกอยู่แล้วแบบ คิดถึงริวจัง... มากๆอ่ะ มากกกกกกกกก แล้วพอดี วันนี้เรียนครึ่งวัน เลยออกไปร้านหนังสือ ไปยืนอ่านฟรีอีกแล้ว (นั่น) แต่ครั้งนี้ค่อนข้างยืนอ่านจริงจังนะ ปกติจะอ่านผ่านๆเปิดๆดู แต่นี่ยืนอ่านจริงๆ เหอๆ...

ก็ไปอ่าน TV mag อันนึง จัมพ์ก็คุยกันเรื่องเพลงใหม่กับทัวร์คอน พอมาประโยคสุดท้ายแบบ หลุดปากออกมาเป็นภาษาไทยคำๆนึงเลย ดีนะไม่มีคน แล้วก็พูดเบาๆ

โคจังพูดว่า

"ตอนนี้พวกเราแตกต่างจากเมื่อ 4 ปีที่แล้วแล้ว เรามีประสบการณ์กัน ตอนนั้นต่อให้ไปต่างประเทศ พวกเราก็กล้าพูด และอยากจะไป ในฐานะที่เราเป็น JUMP"...งง รึเปล่า ก็เหมือนกับว่า ถ้าเป็นพวกเราจัมพ์ทุกคนอยู่ด้วยกันแล้ว พวกเราทำได้ อะไรทำนองนี้อ่ะนะ... แบบพูดออกมาอย่างลืมตัว "โถ่ ริว..." คือแบบ เผลออ่ะ ไม่ได้จะพูดว่า อะไรนะ เจตนาตอนนั้น ก็คือ คำว่า เพราะพวกเราอยู่ด้วยกัน เลยทำได้ เป็นจัมพ์ที่ไม่แพ้ใคร มันก็ต้องเป็นอิมเมจที่ว่า...ไม่สิ ที่จัมพ์มักพูดเสมอว่า ถ้าเป็นพวกเรา 10 คน ไม่ว่าอะไร ก็ไม่หวั่น ไม่ว่าอะไรก็จะต้องสำเร็จได้อย่างแน่นอน... โอย โอย Y_Y

ย้อนกลับไปตอนเช้า หลังจากวิ่งเสร็จ ก็เป็นคาบว่างตลอดจนถึงกลางวันและกลับบ้าน ก็เปิดฟิคเก่าตัวเองอ่าน ที่ตอนนั้นแต่งให้วันครบรอบ 3 ปี จัมพ์ เราพึ่งนึกได้ว่าตอนนั้น ตอนจบของฟิค แปลข้อความที่จัมพ์พูดถึงกันในวันครบรอบเอาไว้ มันเศร้าอ่ะ มันแบบ...ตอนนี้ เผลอคิดไปเอง ว่าทุกคนต้องคิดถึงวันนั้นที่มีกัน 10 คน แน่ๆ

「どんなときも、この10人でならガンバレるんだ!!!」
ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ถ้าเป็นพวกเรา 10 คนละก็ ทำได้อยู่แล้ว!!!

 ริวทาโร่ที่คอยนั่งฟังเรื่องบ้าๆกับผมเสมอ 伊野尾慧
บางครั้งที่เห็นใบหน้าของริวทาโร่แล้วความรู้สึกเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย 有岡大貴
 ริวทาโร่ที่มักจะชมการแต่งตัวของผมทำให้ผมดีใจ 中島裕翔
ริวทาโร่ที่มักเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวผ่อนคลายลงเสมอ 知念侑李
รอยยิ้มน่ารักๆของริวทาโร่ที่มองแล้วมักทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง 薮宏太
ริวทาโร่ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นเด็กอยู่อย่างนี้ตลอด高木雄也
ริวทาโร่ที่แค่มองก็ทำให้รู้สึกรีแลค 岡本圭人
ริวทาโร่ที่แค่อยู่ด้วยกันแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายได้ 山田涼介
ถึงจะยังเป็นเด็กแต่ริวทาโร่ก็เป็นน้องชายที่แสนน่ารักของผมนะ 八乙女光

พูดคำอื่นไม่ออกนอกจากคำว่า "รัก" นี่คือการคิดไปเอง แต่ก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น เขารักกัน เชื่อนะ แบบนั้นน่ะ 

สุดท้ายคำพูดของริวที่มันติดตามาจนถึงตอนนี้ ก็คงไม่พ้น

จากนี้ไปช่วยอยู่เป็นคนสำคัญของผมตลอดไปแบบนี้ด้วยเถอะ森本龍太郎

อาจจะเห็นกันแล้วเพราะโพสไว้ใน เฟส มันเป็นอะไรที่แบบ..อยากกอดริวอ่ะ โอ๊ย มันพูดไม่ออกอ่ะ TT พี่ๆทุกคนรักน้อง และ น้องก็รักพี่ และทุกคนเป็นเพื่อนกัน คือตรงๆนะ แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างพูดไม่ถูกเลยล่ะ พอย้อนกลับไปอ่าน ก็นึกถึงประโยคของ รินะจัง เจ้าของบล็อกที่เราเคยโพสไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้

ที่บอกว่า "เพื่อนน่ะ เมื่อได้มาเป็นเพื่อนกันครั้งนึงแล้ว ก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป"

ถ้ามันเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็เบาใจแล้วล่ะ 

ขอคั่นอะไรหน่อยนะ เมื่อกี้ รายการ อิจิบัง เปิด VTR จัมพ์ตอนเดบิวต์ เห็นริวชัดๆ เต็มๆแล้วแบบ วิ่งถลาเข้าไป ไม่ไหว จังหวะเหมาะพอดีอ่ะ ดีใจอ่ะ มีความสุขอ่ะ TT!! แค่นิดเดียวเอง โอย ฮือ ไม่ไหวอ่ะ TT คิดไปเองรึเปล่าว่าจัมพ์ยิ้มเพราะเห็นริว (นั่น) 

อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ดราม่านะเนี่ย เฮ้อออ

อืมม จริงๆแมกอื่นกลับไปอ่านเก่าๆก็แบบนะ มัน...นึกภาษาไทยไม่ออก = = โหยหา? รึเปล่านะ ไม่รู้ดิ เดี๋ยวนี้จิตใจบอบบาง โดนทำร้าย กร๊ากกกกก

นี่เพื่อนๆ...


ริวยังจำความรู้สึกในรูปนี้ได้อยู่รึเปล่านะ~~
ว่าแต่พูดวนไปวนมาอีกแล้ว ช่างมันเหอะเนอะ =3= พอและๆ


เกือบจะลงและ ลืมจุดประสงค์หลักไป กร๊ากกกก! ไปสอยเมียวโจมา (เพราะมีไดยามะ) กร๊ากกก! เค้าว่านะ เป็นคนอื่นต้องเลือก โปโปโละแน่เลย เพราะจัมพ์แก้ผ้า กร๊ากกก! 

เค้ามิสนอ่ะ สนไดยามะ =3= เลยจะแปลความเรียลลิตี้ (ดูมัน) วะฮ่าฮ่าๆ! รับไม่ได้ก็ไม่ต้องอ่าน โด่วววว ไปไกลๆ ชิ่วๆ


Best Couple!!

อาริโอกะ : พวกเราเป็นแชมป์คู่รักยอดเยี่ยมติดกันมา 3 ปีแล้วนะ! เรามาถ่ายรูปตอนเราจู๋จี๋ให้เขาดูกันเหอะ!  (ระหว่างพูดก็ทำท่าจะไปจับติ่งหูของยามาดะ)
ยามาดะ : หยุดนะ! (เขิน)
อาริโอกะ : ทำไมต้องหนีด้วยเล่า~!
ยามาดะ : ชั้นต้องถามมากกว่า ว่า ทำไมจู่ๆก็เกิดรู้สึกอยากทำอะไรแปลกๆขึ้นมาเนี่ย!?
อาริโอกะ : ก็ติ่งหูของยามาดะมันนิ่มดีนี่นา~♥ นี่ ถ้านายทำท่ารังเกียจชั้นขนาดนั้นนะ เดี๋ยวเกิดคนอ่านเขาเข้าใจผิดว่า "ยามะจังเกลียดไดจัง" ขึ้นมาจะทำยังไงเล่า!?
ยามาดะ : ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่นา~ (หัวเราะ) ทุกคนเขารู้น่าว่าเราสนิทกัน
อาริโอกะ : อ่อ จริงดิ~ ถ้างั้นพวกเราก็เข้าพวก "คู่รักยอดเยี่ยมที่รักกันมากที่สุดในโลกเลยล่ะสินะ~♪" (พี่ไดกิงเปรียบเทียบประมาณว่า รักกันโคตรขั้นเทพไรทำนองนี้ =w=b)
ยามาดะ : แล้วเหตุผลที่เราเข้าได้กันเนี่ยคือตรงไหนนะ ส่วนสูง?
อาริโอกะ : ไอ้นั่นน่ะ มันก็บ่งบอกได้ถึงความแมชกันของเราดีนะ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญนะเนี่ย
ยามาดะ : ใช่ๆ ไม่ต้องเงยหน้าให้สุด หรือ ก้มให้ต่ำสุดเวลาคุยกัน ดี จะได้ไม่ปวดคอ (หัวเราะ)
อาริโอกะ : อย่ามากวนตรีนน่ะ ยามาดะน่ะ มักจะมาปรึกษาอะไรกับชั้นบ่อยๆเลยเนอะ
ยามาดะ : ก็ไดจังน่ะมักจะคอยตอบคำถามเพื่อชั้นตลอดเลยนี่นา แล้วก็ไดจังน่ะ เหมือนจะมีรังสีที่เห็นแล้วเหมือนบอกให้ชั้นเข้าไปปรึกษาอยู่ด้วยตลอดเลยน่ะสิ
อาริโอกะ : นั่นน่ะมันก็แน่นอนอยู่แล้วนี่นา! ต้องตอบสิ! อีกอย่าง ถ้ายามาดะกำลังลำบากละก็ ชั้นก็คงปล่อยทิ้งนายไว้คนเดียวไม่ได้หรอกนะ!
ยามาดะ : แต่ชั้นน่ะ ถึงไดจังจะลำบาก ชั้นก็จะปล่อยนายทิ้งไว้คนเดียวนั่นแหละนะ
อาริโอกะ : ให้มันน้อยๆหน่อย! ถึงจะพูดงั้นก็เหอะ แต่ยามาดะก็มักจะคอยให้คำแนะนำกับชั้นอย่างจริงจังทุกทีเลยนะ อย่างเมื่อเร็วๆนี้ ชั้นถามนายไปว่า "นี่อยากได้กระเป๋าตังค์น่ารักๆซักใบอ่ะ หาให้หน่อยสิ" แค่นั้นแหละ นายก็ตั้งหน้าตั้งตานึกหาให้ชั้นอยู่เลยไม่ใช่หรอ~
ยามาดะ : ก็นะ~♥ ปีหน้าเราสองคนตั้งเป้าหมายคว้าที่ 1 คู่รักยอดเยี่ยมกันอีกละกันนะ!

อ๊ากกกก เรียลลิตี้มากกกกกกกก!!! ถูกใจ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านคอมเม้นพวกแฟนคลับก็ฮาอ่ะ แม่งตอบเกรียนมาก "ก็มันของตายอยู่แล้วนี่นา?" "ก็ทุกปีก็เป็นคู่รักยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ปีนี้ก็ต้องเป็นอีกสิ!" เกรียนมาก แต่ถูกใจ กร๊าก


แต่ตอนให้จัมพ์เลือกกันเรียวจังกลับไม่ยอมเลือกพี่ไดกิง (ซึน) แต่พี่ไดกิงเลือกเรียวจังตลอด เฮ้อ~~ เรียลแบบนี้ก็มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตว่ะ กร๊ากกกกกกกกก