โมริโมโตะ
ริวทาโร่ อายุ 9 ขวบ ได้เรียนรู้คำว่า “ตกตะลึง”
ครั้งแรกในชีวิต ณ ห้องเรียนเต้นรำของบริษัท
“ที่นั่นน่ะ ถ้าหากว่าเรา จำท่าเต้นผิด
ก็จะโดนครูฝึกตะคอกด่าว่า ‘กลับบ้านไปซะ!!!’ล่ะ… สำหรับตลอดช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตผมในตอนนั้น
ผมไม่เคยถูกใครตะโกนด่าไล่กลับบ้านแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลยนะ หรือแม้แต่พ่อแม่ของผมเองเขาก็ไม่เคยตะคอกใส่ผมแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แบบว่า สำหรับผมไม่ใช่ว่าเห็นแล้วรู้สึกอยากร้องไห้นะ
แต่เพียงแค่ตกใจจนรู้สึกลนลานเท่านั้นเอง (หัวเราะ)”
การเต้นครั้งแรก
ตอนนั้นผมได้รับการแนะนำจากแม่ให้เข้ารับการออดิชั่น ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะผ่านเข้าการออดิชั่นมาก็ตาม
แต่ทั้งการเต้นและการร้องเพลง ประสบการณ์ทั้งหมดของผมมันเป็นศูนย์ครับ
พอเห็นคนอื่นๆที่มาเข้าคลาสเรียนเต้นเหมือนกันที่เขาอยู่มาก่อนแล้วอายุมากกว่า
ผมก็มีความรู้สึกว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเต้นตามพวกเขาทัน ผมเลยคิดในใจแล้วว่า
ไม่นานคงโดนทางบริษัทบอกมาว่า “นายไม่ต้องมาอีกแล้วนะ” ล่ะ แต่ว่าจู่ๆ จากที่ได้ขึ้นมาเต้นในแถวที่ 3 จากนั้นก็เลื่นลำดับขึ้นมาเต้นแถวที่ 2 แล้วในที่สุดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมถูกให้ขึ้นมายืนเต้นเป็นเซ็นเตอร์ของแถวหน้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น
สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่หลวงและหนักหนามากเลยทีเดียวเชียวล่ะ
ตอนแรกผมก็คิดว่า
คงเพราะว่าผมตัวเล็กผมเลยถูกดันให้ขึ้นมายืนข้างหน้าเพื่อบาลานซ์ที่ดี (หัวเราะ)
ในตอนนั้น ทุกๆครั้งที่ผมถูกดันให้ขึ้นมาเต้นที่แถวหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ
มันก็ทำให้ผมคิดในใจว่า “นี่มันชักจะกลายเป็นเรื่องฉิบหายสำหรับผมแล้วนะเนี่ย” …ผมคิดอย่างนั้น
ก็เพราะว่า
ตอนนั้นผมน่ะกำลังคิดที่จะอยากกลับไปใช้ชีวิตเป็นเด็กประถมธรรมดาๆคนหนึ่งแล้วนี่นา
แต่ทีนี้หลังจากนั้น ชินทาโร่ก็ตามผมเข้ามาในบริษัท
การที่จะปล่อยให้ชินทาโร่ตัวเล็กๆคนนั้น อยู่ตัวคนเดียวในบริษัทเนี่ย
มันก็ไม่ใช่เรื่องใช่ไหมครับ? ผมก็เลยตัดสินใจที่จะพยายามอยู่ต่อเพื่อเป็นกำลังให้ชินทาโร่
จนกว่าเขาจะสามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเองอย่างมั่นคงเสียก่อนแล้วผมค่อยถอยออกมา
แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องที่ผมเข้าใจผิดไปเอง รู้ใช่ไหมล่ะ? เพราะ ในระหว่างที่ผมไม่ทันรู้สึกตัว ชินทาโร่มันก็สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วน่ะสิ!
หลังจากที่ชินทาโร่เข้ามา
พวกเราก็ถูกจับตามองและให้ความสำคัญในฐานะ “พี่น้องโมริโมโตะ” แล้วเราก็ได้รับบทบาทให้ไปแสดงในละครเรื่อง ‘จุเคน โนะ คามิซามะ (เทพเจ้าแห่งการสอบ)’ ในบทบาทที่จะต้องเล่นเป็นพี่น้องกันอีก แต่ดูเหมือนว่า
การแสดงละครในครั้งนี้จะเป็นกลายจุดเปลี่ยนความคิดของโมริโมโตะ?
ในตอนนั้น
ยามากุจิ ทัตสึยะ ซังแห่ง TOKIO
ก็ได้มาร่วมแสดงกับผมด้วย เขาเป็นคนที่ใจดีมากๆเลยล่ะครับ
มันทำให้ผมคิดว่า ผมอยากจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบเขาให้ได้! ประจวบเหมาะพอดีกับตอนนั้น ที่ผมได้รับเลือกให้เป็น
JUMP มันทำให้ผมคิดว่า เอาล่ะเราคงจะต้องพยายามแล้ว… ถ้าผมไม่พยายาม ณ ตรงนี้ ไม่ใช่แม้แต่ชินทาโร
แต่จูเนียร์คนอื่นๆเองผมก็คงจะไม่สามารถชี้แนะให้กับเขาได้หรอกนะ ผมคิดอย่างนี้และแล้วในที่สุด
ผมก็ตัดสินใจได้ ว่าผมจะอยู่ต่อไป…
ทั้งการเดบิวต์ที่ถูกตัดสิน
และหัวใจของผมที่ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยคำว่า “เมมเบอร์ที่อายุน้อยที่สุด” มันกลับทำให้ผมรู้สึกกดดันขึ้นมาเรื่อยๆ
การที่ผมจะถูกคนอื่นพูดว่า
“เพราะว่าอายุน้อยที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรผิด
ก็คงจะถูกยกโทษให้สินะ” อะไรทำนองนี้ สำหรับผม แล้วผมรับมันไม่ได้เลยจริงๆ
ผมเลยไม่คิดที่จะทำตัวอ้อนหรือหวังพึ่งสมาชิกคนอื่นๆเลย
ในสมัยแรกๆที่ออกทำงานกับเมมเบอร์พวกเขาก็พยายามจะบอกให้ผมพูดนู่นพูดนี่(คล้ายๆว่าแกล้งหยอก) ซึ่งผมก็ไม่สามารถตอบโต้หรือพูดคุยกับพวกเขาได้เลย
ผมเลยได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือว่าพูดเล่นกันแน่
แต่นั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา แต่ก็นะ~เพราะเหตุการณ์นั้น
มันเลยทำให้ตอนนี้ผมสามารถตอบโต้พวกเขาได้ทันที ที่พวกเขาเข้ามาแกล้งผมล่ะ (หัวเราะ)
แล้วก็มีอีกอย่างนึง ผมไม่อยากให้คนอื่นคิดกับผมว่า “เพราะว่าเด็กที่สุด
ถ้าเกิดทำไม่ได้ก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
ก็แหม ในฐานะเมมเบอร์แล้ว จัมพ์ทั้ง 10 คนต่างก็มาเริ่มต้นกันที่จุดสตาร์ทเดียวกันไม่ใช่เหรอ
สำหรับผมแล้ว ผมก็คิดในใจนะ ว่า “ผมก็จะพยายามไม่ให้แพ้พวกเขาให้ได้”
จากนั้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ก็มีปัญหาอุปสรรคต่างๆมากมายก็เริ่มทยอยกันเข้ามา
ทั้งงานการรายงานภาคสนามวอลเล่ย์บอล คอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม(คอนเท็งโกะคุ)
และซัมมารี่ครั้งที่ 2 นี้
เรื่องทั้งหมดต่างเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถเรียนรู้ได้ที่โรงเรียนทั้งนั้น ทุกๆครั้งที่มีเรื่องใหม่ๆที่ผมจะต้องทำมาวางอยู่ตรงหน้า
ผมก็มักจะชอบยืนอึ้งแล้วนึกในใจว่า “เรื่องแบบนี้
ฉันจะไปทำมันเป็นได้ยังไงเนี่ย!” …ตลอดเลยล่ะ แต่ว่าด้วยบางสิ่งบางอย่าง เช่น “ในฐานะของสมาชิกคนหนึ่งของจัมพ์
ผมก็มีแต่จะต้องทำให้ได้เท่านั้น” หรือ “จะมาให้ความอ่อนแอของผม
ไปฉุดรั้งการเดินหน้าของจัมพ์น่ะ ผมทำไม่ได้หรอกนะ” นั้น มันก็มักจะทำให้เกิดพลังมหัศจรรย์อะไรบางอย่างขึ้นมาในร่างกายของผมทุกครั้งเลยรู้ไหม… แม้แต่ Summary ของปีนี้เองก็เหมือนกัน ถึงจะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นมาให้ตกใจอยู่บ่อยๆก็เหอะนะ
(หัวเราะ)
แต่เพราะทุกคนพยายามกันอย่างเต็มที่ มันเลยทำให้ผมสามารถพยายามขึ้นมาได้มากขึ้นเหมือนกัน… ถึงแม้ว่าในตอนแรกผมจะมีความคิดที่ว่า “ผมจะไม่ยอมแพ้เมมเบอร์คนอื่นๆ” แต่ทว่าในตอนนี้ ผมกลับคิดว่า “ไม่เห็นจำเป็นจะต้องคิดจะไปแข่งกับพวกเขาเลยก็ได้นี่นา” นั่นก็เพราะว่า
ตัวของผมเองก็มีตำแหน่งและหน้าที่ของผม คนอื่นๆเองก็มีจุดยืนและหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน
ไม่เกี่ยวกันว่าจะเต้นข้างหน้า หรือข้างหลัง แต่พวกเราจะต้องมุ่งมั่นที่จะอยู่ “สูง” ขึ้นไปให้มากกว่านี้ไปด้วยกันต่างหากล่ะ…
source : โมริโมโตะ
ริวทาโร่ Duet 2010.10
หายหัวไปพักใหญ่ๆ กลับมาดันมาลง แปลอีก กร๊าก! TwT ตอนนี้เจ้าของบล็อกอยู่ในระหว่างสู้เพื่อชีวิตอยู่ค่ะ ไปพร้อมกับทำตัวดราม่าจัมพ์ไปอีก อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ฮ่าๆ อันที่จริง อยากเขียนบล็อกมาก จะว่าไม่มีอะไรเขียนเลยก็ไม่ใช่อ่านะ แต่ฟีลมันต่างกับตอนอยู่ที่นู่นล่ะมั้ง... แต่อ้างอิงจากบล็อกสุดท้ายที่เขียนก่อนหายตัวไปนี้... เจ้าของบล็อกก็เดินหน้าทำตามความฝันต่ออย่างเต็มกำลังเลยนะคะ ^^ ไม่ได้ละทิ้งแต่อย่างใด ไว้ถ้ามีอารมณ์? จะมาเล่าให้ฟังละกัน ไม่สิ เอางี้ดีกว่า ถ้าสอบผ่าน ระดับแรกได้ จะมาป่าวประกาศละกัน ฮ่าๆ!!
อ้อ เจ้าของบล็อกสอบผ่านวัดระดับภาษาญี่ปุ่น N2 แล้วนะคะ เย้ >o<! ปาฏิหารย์บังเกิด วะฮ่าฮ่าๆ!!! สงสัยทำบุญไว้เยอะ เหอๆ ไม่น่าจะผ่านได้เลย orz เอาเหอะ อิอิ
ส่วนเรื่องทรานส์ริวอันนี้นะคะ พอดี ช่วงนี้นั่งอ่านแมกย้อนหลัง จะหาอาริยามะไปแปลลงเพจน่ะค่ะ << เอ่อ... ถ้าเป็นคนนอกอาจจะงงว่า อาริยามะคืออะไร? ไม่ต้องสนใจค่ะ ฮ่าๆ! ทีนี้ ก็ไปอ่านของริวด้วย ข้อความนี้ถือว่า โซลพูดกับแฟนจัมพ์ละกันนคะ ^^ ย้อนกลับมาอ่านแมกเก่าๆแล้ว ความรู้สึก หรือ ข่าวลือที่ว่า ริวจะไม่กลับมาอีก มันทำให้โซลรู้สึกว่า มันเป็นไปได้ยากจริงๆ... เพราะริวพยายามมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ และรักจัมพ์มากด้วย แน่นอนจัมพ์เองก็รักกันมา... ไม่รู้สิ ถ้าทุกคนอ่านแมกนี้จบแล้วมาถึงข้อความตรงนี้ โซลคิดว่าทุกคนจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอนค่ะ ^^ เอาล่ะ ไว้มีโอกาสจะมาเวิ่นใหม่ ขอโทษคุณขาจรผู้เข้ามาอยากหาประสบการณ์นะคะ แบบว่าตอนนี้อารมณ์ติสค่ะ เรื่องเครียดมักจะเกิดขึ้นตอนเจ้าของบล็อกไปเรียน แล้วก็จบอยู่แค่นั้นไม่แบกกลับบ้าน เลยไม่มีแบกกลับมาเล่าในบล็อกเลย กร๊ากกก ตามนั้นค๊าา ><
อย่าลืมนะคะ ใครอยากถามอยากคุยกัน เชิญที่เฟสและทวิตได้เลย~ เดี๋ยวแปะให้อีกที แล้วก็ ฝากเพจอาริยามะด้วยนะจ๊ะ สำหรับแฟนจัมพ์ ฮ่าๆ!
FB : Patty Zaol
Twitter : Zaol_chan
Ariyama Thailand Fanclub
http://www.facebook.com/AriyamaThailandFanclub