จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความแตกต่างระหว่า โอซาก้า กับ โตเกียว // ทริปเที่ยวเกียวโต กับเพื่อน!

อาทิตย์นี้เปิดเทอมอาทิตย์แรก (ปิดเทอมอันแสนสั้น) เลยเที่ยวแม่งทุกวันเลย กร๊ากกกกกก! วันนี้จริงๆก็จะไป แต่ก็นะ เพื่อนที่เราจะพาไปเที่ยว (คนฟินแลนด์) โฮสเขา...มาก สุดท้าย มันเลยอดไปน่าสงสารมาก ;_; แต่ไม่อยากพูดและ พูดไปหงุดหงิดแทนเปล่าๆ วันนี้เราเลยมานั่งรวบรวมสองสามวันที่ออกไปเที่ยวมา

แต่น่าแปลก ไปเกียวโตติดกันสองวันเลย ให้ตายสิ - -!

.

.

.

แต่ก่อนอื่น บังเอิญเมื่อกี้ไปเจอกระทู้ เรื่อง "จะให้เลือกอะไร ระหว่าง โอซาก้า กับ โตเกียว" แล้วเราก็แบบของขึ้น ขึ้นมา =.= บล็อกครั้งนี้เลยอยากจะเล่าเรื่องความแตกต่างของสองที่นี้หน่อยเหอะค่ะ! ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ยังไง เจ้าของบล็อกก็หวังว่าจะประสบการณ์ของเจ้าของบล็อกจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังต้องการจะศึกษาหรือลังเลอะไรอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ^^;

**ขยายความนิด ที่ว่าของขึ้นเนี่ย หมายถึง ไม่ชอบที่ให้คนมาดูถูกโอซาก้า =.=

อันดับแรก สำหรับคนที่ไม่เคยเจอกัน เจ้าของบล็อกตอนนี้ เรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ โรงเรียนมัธยมปลายของโอซาก้าค่ะ ตอนนี้ก็เข้าเดือนที่ 7 กลายๆแล้ว อาจจะไม่ใช่เวลาที่มากกว่าใคร อาจจะน้อยด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ก็ได้สัมผัสกับคนญี่ปุ่น หรือ คนท้องถิ่นโดยตรงร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่บ้านและโรงเรียนค่ะ

ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างว่า ที่ไหนดีกว่ากัน? มันตอบไม่ได้หรอกค่ะ เพราะต่างที่ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่แน่นอน ว่า เมื่อพูดถึงญี่ปุ่น อันดับแรกที่นึกถึงก็คงจะเป็น กรุงโตเกียว ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งใครเคยมาเที่ยว ก็จะคิดว่า ญี่ปุ่นเนี่ย มันเจ๋งจริงๆ! ยิ่งโตเกียว จะเรียกว่าสวนสวรรค์ก็คงไม่แปลก~ ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนปฏิเสธความเห็นนี้ ฮา~ แต่ถ้าลองมาใช้ชีวิตจริงๆมันก็จะรู้น่ะนะ ว่าเป็นยังไง~ ยังไง สวรรค์จริงๆน่ะ มันต้องบ้านเกิดของเราอยู่แล้วล่ะ~

โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันกับคนญี่ปุ่นจริงๆ นั้นไม่ง่ายเลย... แต่นั่นแหละ มันก็จะทำให้มุมมองการมองคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าจะให้เทียบระหว่าง ภาพที่เรามาเห็นตอนมาเที่ยว 1 อาทิตย์ กับ ภาพที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เป็นเดือนๆ

กลับเข้าเรื่อง สำหรับคนที่ลังเลเรื่องการเรียนต่อ ว่าจะเลือกคันโต หรือ คันไซ (พูดกว้างๆ) ส่วนตัวนั้น ที่มาอยู่โอซาก้าเพราะไม่มีทางเลือกค่ะ ตัวเองก็เป็นคนนึงที่อยากเรียนที่โตเกียว ตอนนี้ก็ยังอยากอยู่ แต่ถ้าถามว่า รักที่ไหน คำตอบคือ คันไซ หรือ โอซาก้าค่ะ... ถ้าถามว่าทำไม อันดับแรงคงต้องบอกว่า บรรยากาศกับนิสัยใจคอของคนท้องถิ่นละมั้ง มันต่างกันมากเลยนะ

เราเองก็เคยไปโตเกียว ถึงจะเคยแค่ 2 อาทิตย์ก็ตาม แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าต่างกัน แน่นอนคงตัดสินนิสัยใจคอกันไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงบรรยกาศความเป็นมิตรล่ะก็ เรื่องแบบนี้ความรู้สึกมันก็สัมผัสกันได้นะ...

พื้นฐานคนคันไซ โดยเฉพาะโอซาก้า เป็นที่โด่งดังกันในคนญี่ปุ่น หรือ คนต่างชาติ ว่าเป็นคนเสียงดัง เฮฮา และเปิดเผย ดารานักแสดงตลกของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็จะมาจากโอซาก้ากันนี่แหละ~ แต่ทว่า โอซาก้ากับโตเกียวเอง ก็เป็นเมืองใหญ่ คนอยู่เยอะ และแออัด ส่วนที่แข็งตึงก็มีอยู่ไม่ต่างกัน แต่ก็ต่างนะ (นั่น)

เราเคยพูดไว้ในบล็อกครั้งที่แล้วเรื่องของนิสัยของคนคันไซ ที่ว่ามีรายการนึงทำแบบสำรวจนิสัยความขี้เล่น ที่ว่า 10 ใน 10 คนของคนโอซาก้า จะรับมุขทุกคน! ต่างจากโตเกียวที่ มีเพียงแค่ 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่จะรับมุข และหนึ่งคนนั้นก็คือคนโอซาก้าที่ไปทำงานที่โตเกียวนั่นเอง! มัน...ก็ชัดแล้ว? ไม่หรอก ผลการวิจัยที่จะได้รับการยอมรับ มันต้องมี 100 คนขึ้นไป (แม่บอกมา) แต่มันก็ทำให้เรารับรู้ถึงพื้นฐานเล็กๆได้บ้าง

ต่อไปเรื่องภาษา เป็นที่เลื่องลือมากเรื่อง ภาษาคันไซ หรือ คันไซเบน หลายคนที่จะเลือกมาเรียนโอซาก้า หรือ เกียวโต โกเบ หรือภูมิภาคคันไซ อาจจะกังวล กลัวว่าตนจะคิดภาษาถิ่นมา ทำให้เป็นคนพูดเหน่อ... ขอนั่งยันว่า มันไม่ติดกันง่ายๆหรอกค่ะ นึกง่ายๆ เราลองไปอยู่อีสานซักปี ในที่ทำงานที่มีแต่คนพูดภาษากลาง คิดว่าเราจะติดคำอีสานมาซักกี่คำเชียว? อันนี้เราพูดในเชิงถ้าคุณมาเรียน โรงเรียน ภาษา หรือ มหาวิทยาลัย (ที่เรียนกับคนต่างชาติด้วยกันเป็นส่วนมาก) นะคะ เพราะปกติ เขาจะใช้ภาษากลางกันในการสอนหรือสื่อสารอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว ยิ่งคนต่างชาติกันเอง คงติดยากกว่า ..โรงเรียนเราก็มีเพื่อนเป็นคนคานากาวะย้ายมาอยู่โอซาก้าตั้งแต่ ป.4 ค่ะ แต่เขายังไม่ติดภาษาคันไซเลย แต่ก็แล้วแต่คนน่ะนะ~ ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เว้นแต่คุณต้องมาใช้ชีวิตกับคนญี่ปุ่นตลอดวันตลอดคืน กลับบ้านก็ภาษาญี่ปุ่น(คันไซ) ตื่นไปโรงเรียนก็ภาษาญี่ปุ่น(คันไซ) ไม่ติดมาบ้างให้มันรู้ไปค่ะ ฮ่าๆ!

แต่สำหรับเรา ตอนนี้เราพูดคันไซค่ะ เพราะว่าเพื่อนที่โรงเรียนที่อยู่ด้วยกันกันเกินครึ่งค่อนวันก็พูดคันไซกัน กลับบ้านอยู่กับโฮสก็พูดคันไซกัน ไปไหนก็คันไซทั้งวันทั้งคืน เราเลยพูดคันไซได้ค่ะ แต่ก็พูดกลางได้อยู่ เพราะก่อนมานี่ 4 ปีที่เรียนมา ก็เรียนภาษากลาง แต่ต้องจูนเล็กน้อย แต่สำเนียงก็เริ่มไปบ้าง แต่ยังไหวอยู่ค่ะ... แต่สำหรับเรานะ คิดว่าหลายๆคนที่มาอยู่คันไซคงจะเหมือนกัน ทุกคนจะรักและภูมิใจในคันไซเบนของตัวเองมากค่ะ มันเป็นกันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าสมมุติว่าจะไปไหนแล้วเราพูดคันไซไป แทนที่จะอายว่าเราพูดเหน่อ(มั้ง) แต่มันกลับกลายเป็นว่ายืดอกภูมิใจว่าเรานี่แหละ คนคันไซ มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติค่ะ

ส่วนพูดเรื่องท่องเที่ยว ยอมรับว่าตอนแรกมาแล้วเที่ยวจนหมดแล้วก็รู้สึกนอยด์นิดๆ เพราะ ตอนไปโตเกียวที่เที่ยวมันมากกว่าเท่านึง (นั่น) เป็นธรรมดาค่ะ มันก็เหมือนคนกรุงเทพ ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ แต่ก็ไม่ขนาดนั้น เพราะโอซาก้ามันก็รองจากโตเกียวแค่อันดับเดียวเอง... ส่วนตัวชอบทั้งสองที่นะคะ ส่วนตอนนี้ไม่เบื่อแล้ว คือ ไม่ว่าที่ไหนก็คงเหมือนกันแหละค่ะ ไปเห็นตอนแรก อาจจะตื่นตาตื่นใจ มองเห็นไรน่าสนุกไปหมด แต่พอมาอยู่แล้ว ไปบ่อยๆ มันก็จะเบื่อไปเอง คาดว่ากรณีคนอยู่โตเกียวก็เหมือนกันแหละค่ะ อย่างพี่สาวเรา ก็เคยไปเรียนมหาลัยที่โตเกียวมา เขาก็เบื่อค่ะ บอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ทั้งๆที่เราว่ามีเยอะแท้ๆ ฮาา~ แต่อย่างที่หลายๆคนก็ยืนยันมา โอซาก้ากับโตเกียวฟีลต่างกันจริงๆค่ะ อย่างแหล่งช็อปปิ้งเนี่ย มันจะเป็นอะไรที่ โอซาก้าเท่านั้นถึงจะมี กับ โตเกียวเท่านั้นถึงจะมี จริงๆ ฮา~ อันนี้ต้องลองไปเองหลายๆจังหวัดแล้วเปรียบเทียบเอาค่ะ ^^

สรุป เหมือนจะพูดแต่โอซาก้าแฮะ ฮ่าๆๆ! ก็ไม่เคยอยู่โตเกียวนี่ เหอๆ~ สุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพิสูจน์ด้วยตาตัวเองค่ะ มันบอกยากว่าที่ไหนดีกว่ากัน ต้องลองมา แต่ถ้าคำแนะนำอย่างคนอยู่โอซาก้าตอนนี้ ก็คงจะต้องเป็นคันไซค่ะ เพราะคนที่นี่ใจดีกว่าคนคันโต แถมไปมาสะดวก เจริญเท่ากัน แฟชั่นอะไร โอซาก้าก็ไม่ด้อยนะคะ เผลอๆอาจเหนือกว่าในบางจุด (จากสัมภาษณ์พวกดารานางแบบ ที่บางคนจะยอมมาโอซาก้าเพียงแค่ช็อปปิ้ง!) ของกิน โอซาก้าถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีของกินอร่อยๆรวมกันเยอะที่สุด (อ้วน)

จะว่าไป ก็พูดแต่เรื่องโอซาก้าแฮะ ฮา~ ก็เราไม่เคยอยู่ที่อื่น จะให้พูดแทน เกิดไปพูดผิดขึ้นมาก็แย่ดิ =.= ดังนั้น สุดท้ายแค่จะฝากบอกให้คิดดู ว่าอย่ามองว่าญี่ปุ่นคือโตเกียว หรือโตเกียวคือญี่ปุ่น ค่ะ ลองเปิดความคิดนี้ดู แล้วการใช้ชีวิตในเมืองนอกมันจะสนุกมากขึ้นเยอะเลยค่ะ ^^ แต่ยังไง บ้านเราดีที่สุด!

.


.

.

วนกลับมาเรื่อเก่าๆ? บางคนอาจจะงง วันนี้มันเป็นไร? ก็บอกว่า ของขึ้น กร๊ากกกกกกกก มาดูถูกได้ไง ว่าโอซาก้าสู้โตเกียวไม่ได้ แถมมาพูดจาเหมือนโอซาก้าบ้านนอกอีก (น่าจับมาโยนใส่ทาโกะยากิ) ชิชะ =.= แต่ยังไงเค้าก็อยากไปลองอยู่โตเกียวนะ ฮาาาาาา แต่ยังไงบ้านก็อยู่ที่โอซาก้าแหละ (บ้านหลังที่สอง) ไปไหนไม่รอด ก็กลับบ้าน จบ กร๊ากกกก =w=

ทริปเกียวโต กับ เคียวจัง! เอริ! และก็จูริจาง~!!!

วันจันทร์ที่ 19 นัดกัน 10 โมงที่สถานีรถไฟ คาวารามาจิ (สถานีกลางเมืองของเกียวโต) ตามแผน ข้าพเจ้าต้องตื่น 7 โมง มาตื่นตัว กินข้าวสบายๆ~ แล้วแปดโมงครึ่ง ขี่จักรยานไปสถานีใกล้บ้านแล้วนั่งรถไฟไปเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง..

แต่คือใจป่ะ? มันพึ่งปิดเทอมอ่ะ เลยนอนดึก กร๊ากกกกก! ตอนแรกตื่นตั้งแต่หกโมงกว่านะ แบบ เหมือนตอนไปโรงเรียนอ่ะ เราก็ครึ้มใจ โอ้วว ตื่นได้วุ้ยๆ เราเลยนอนต่อ หวังให้เจ็ดโมงแล้วตื่นจริงๆ...และก็หลับไป กร๊ากกกก! จนมาจังต้องเดินขึ้นมาปลุก สะดุ้งอย่างแรง =.= เกือบไปแล้ว กร๊ากกก มีเวลากินข้าวแค่ ครึ่งชั่วโมงก็ต้องรีบออกไป คิดดู T.T

...แต่สุดท้าย ก็ดันไปถึงเร็วกว่าชาวบ้านเขา กร๊ากกกก! เซ็ง =.=

ในที่สุดเราก็เจอกันเวลานัด โดยข้าพเจ้าไปยืนรอราวสิบนาที ฮา~ (ง่วงก็ง่วง แถมไม่ได้นั่งตลอดทางอีก รถไฟแม่งเต็ม วันจันทร์ไม่ไปทำงานกันรึไงวะ =.=!

เราก็ย้ายขบวนเดินจากสถานีรถไฟไปตามถนนสายท่องเที่ยว ที่แรกที่ผ่านคือที่นี่!


แม่น้ำไรซักอย่าง กร๊ากกกกกกก จำได้ว่า ในโคนันตอนที่มาเกียวโตมันมีฉากนี้อ่ะ ใครเคยดูบ้าง ToT/! ที่มันมากินเหล้ากันที่ร้านฝั่งซ้ายมือแล้วเกิดเหตุฆาตกรรมแล้วตอนแรกสันนิษฐานว่าคนร้ายโยนมีดคงไปที่แม่น้ำอ้ะ!



หลังจากตื่นเต้น? จนเพื่อนต้องลากออกมาบอกว่า "รู้แล้วๆ เดี๋ยวพาลงไปขากลับ" กรั่กๆ ก็เดินมาถึงถนนสายเก่า (มันชื่อว่าอะไร จำได้ว่า อะไร ชิโจๆ เป็นอะไรที่เกียวโตมากกกกกกก ToT!!? แต่แบบ วันนั้นรถจอดเต็มเลยอ่ะ โคตรหมดมู้ด =.= เหมือนกับกลางวันเขาจะต้องเตรียมร้านกันมั้ง พวกรถส่งของก็จอดเต็ม เซ็งๆ)


เมื่อเดินสุดสายเราก็เจอวัดเก่าแก่ (แต่ไม่ได้ประทับใจไรเลยไม่ได้ถ่ายมา กร๊าก) แล้วเราก็เดินวนรอบวัด มั่วไปเรื่อยๆ จนมาเจอช่องแคบ? สุดคลาสสิคที่เห็นบ่อยๆในการ์ตูนเราเลยถ่ายมา กร๊ากกกกกก!


ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น! อยากจะบอกว่าตอนนั้นกำลังหลงหาทางออกไม่เจออยู่ กร๊ากกกกกกกกก เพื่อนๆทุกคนก็ถามเคียวจัง เจ้าของโครงการ? ว่าจะเดินไปไหนรู้ทางป่ะ เคียวจังก็ถามว่า "เออน่ะ เดินๆมั่วๆไปก็เจอเองแหละ" =.=;;;


เสร็จแล้วเราก็เดินมาจนถึงทางเข้าเนินมหัศจรรย์? สู่วัดคิโยมิซึเดระ ที่แสนโด่งดัง!!!! (เอ้อ จำชื่อสถานที่ไม่ค่อยได้ โทษที กร๊าก)


ปากทางเข้า บ้านใครไม่รู้ โคตรน่ากลัว ทำโคตรเสียมู้ดอ่ะ =[]= แถมแม่งติดป้ายด้วยนะ ถ่ายรูป ต้องจ่าย 100 เยน เกรียนมาก =.= ต้องมองลอดเข้าไปในบ้างแม่งอ่ะ ไอรู้ปั้นพวกนี้วางเต็มบ้านเลย แทบไม่มีทางเดินอ่ะ โคตรน่ากลัว!


ไมโกะซัง~ คาดว่าไม่ใช่ตัวจริงอ่ะ ตอนเจอคนแรกที่ถนนอะไรชิโจๆ? ตอนนั้น เขาวิ่งหนีอ่ะ เลยคิดว่าแบบ คนนั้นน่ะ น่าจะตัวจริง ฮา~


 และเราก็เดินมาถึงร้าน มารุยามะ (ใช่ป่าววะ) เป็นร้านขายขนมของฝากน่ารักๆ เพื่อนทั้งสาม จู่ๆก็ร้องตะโกนแล้ววิ่งเข้าไปในร้าน เราก็ว่ามีไรวะ มันบอกป่าว แค่ตอนเรียนวิชาสังคม ครูเคยเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง โถว เด็กดีทั้งหลาย =.=


เนิน มหัศจรรย์ กร๊ากกก เป็นเนินแคบๆเก่าๆบรรยากาศประมาณนี้อ่ะ ชอบมากเลย สองข้างทางจะเป็นร้านของฝาก ร้านอาหาร ไรทำนองนี้แบบ บรรยกาศดีมากๆเลย~ ต้องมาให้ได้นะ มันเป็นทางเข้าวัด คิโยมิซึ~


เจอไมโกะซังอีกแล้ว! แต่ตัวปลอมชัวร์ กร๊ากกกกกกก (ตัวปลอมที่ว่าคือ ที่เกียวโต มันจะมีร้านที่ให้ยืมกิโมโนใส่เดินเที่ยว ดังนั้นจะมีคนใส่กิโมโนเดินเยอะมาก เค้าว่าเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีนะ~ และสำหรับคนอยากแต่งตัวเป็นไมโกะซัง ก็มีร้านสำหรับแต่งเป็นไมโกะให้อีกด้วย! แต่แพงมากอ่ะ จำได้ว่า เป็นหมื่นเยน เหอๆ =.=


ร้านนี้!!!!!!! ถามว่าคือไร? มันก็ร้านอาหารธรรมดาแหละ แต่!!! อาราชิเคยมากินยกวง กร๊ากกกกกกกกกก!!! อันนี้จูริจัง (แฟนพันธุ์แท้โชจัง) บอกมา เดินผ่านจู่ๆ จูริจังก็ร้องแล้วลากแขนเค้ามา "ฮานะจังๆ! ร้านนี้อาราชิเคยมาล่ะ!" โถว แฟนจอร์นนี่ กร๊ากกกกกกกกกก


อันนี้มีพี่ๆคนที่แต่งตัวเป็นไมโกะ เขาเดินมาถ่ายกันพอดี เราเลยไปแจม อิอิ~ ทำไมตูดใหญ่จัง T.T


จากนั้นเราก็เดินต่อ~ ของกินทั้งน้านนนนนน เนินมหัศจรรย์นี้ยาวมากอ่ะเดินเกือบ ชั่วโมง ระหว่างทางก็มีของขึ้นชื่อขายเยอะแยะ โดยเฉพาะ ขนมยัตสึฮาชิ!!! (มีให้ชิมเยอะด้วย ชิมหมด กร๊าก)


หน้าตาเป็นเช่นนี้ คือมันก็ขนมญี่ปุ่นปกติแหละ ใส้ถั่วแดง ห่อแป้งโมจิ แป้งโมจินี่มีหลายสีหลายรส แต่เค้าชอบรสชามัฉฉะ กับ งาดำล่ะ~ อร่อยมาก ไม่ค่อยหวาน ปกติไม่ชอบ ขนมญี่ปุ่นนะ แต่มานี่ มันติดอ่ะ กร๊าก


นี่ไงที่ไปชิมมา จริงๆไปชิบหลายรสเลย กร๊ากกกกกกกก... มีบริการน้ำชาด้วย อ๊าาา ชื่นจายยย =..=


ร้านถัดมา บ๊วยย่าง - - ไม่น่ากินเลยแต่แปลกดีเลยถ่ายมา ฮ่าๆๆๆ อีกร้านแปลกใหญ่ เอาแตงกวาญี่ปุ่น (ยาวๆอ่ะ) เสียบไม้พร้อมกับเลมอนแล้วขาย! บ้าไปแล้ว! อะไรจะชอบกินแตงกวาขนาดนั้นนน!! เห็นแล้วจะอ้วกแหวะ - -



เดินจิ้มนี่กินนั่นไปเรื่อย (ถ้าทางเพื่อนก็จะรู้แกว ชอบไล่ให้เราเดินไปหยิบมากิน "ฮานะจังๆ ไปดิ้ๆ" วู้ว กรั่กๆ และเราก็มาถึงทางเข้าวัด!!! ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก~ อิอิ มีคนผอมยืนขนาบ ไม่ชอบเลย =.=


ดอกอุเมะบานแล้ว~ (ดอกบ๊วย) แสดงว่าเริ่มอุ่นแล้วสินะ อิอิ~ บางต้นสีมันขาวๆเหมือนซากุระเลย สวยมาก~ แล้วตามต้นซากุระ ก็เริ่มมีดอกตูม โผล่ขึ้นมาแล้ว ถึงจะมองไม่เห็น แต่มองขึ้นไปบนต้นรวมๆกันมันก็ให้ความรู้สึกสีชมพูๆ~ อา~ จะเข้าฮารุแล้วสินะ~ ^^ (ฤดูใบไม้ผลิ)


เคียวจางงงงงงงงงงง =..=


สวยมะ สวยม๊าา~


ท่าข้าพเจ้า จากที่อ้วนอยู่แล้ว ยืนท่านี้ยิ่งอ้วนกว่าเดิม - -


พอเข้าถึงตัววัดคิโยะมิซึเดระได้แล้ว ก็ต้องรีบปัดควันเข้าตัวก่อน (กร๊ากก) มีความเชื่อสอง ไม่แน่ใจว่า ความเชื่อคนคันโตกับคันไซต่างกันรึเปล่า แต่ตอนได้ยินมา ได้ยินมาคนละที่อ่ะ

1. เชื่อว่าถ้าปัดควันเข้าตัวจะได้กลับมาอีกครั้ง (อันนี้ใกล้จริงและ ครั้งที่แล้วไปปัดที่โตเกียว และก็จะได้กลับไปอีก =..=
2. อันนี้เพื่อนบอกมา ว่าปัดเข้าหัว จะได้หัวดี ไม่รู้ว่า เชื่อต่างกันหรือว่ามันมีสองความเชื่ออยู่แล้วล่ะนะ แต่ปัดไปแล้ว ครีครึ


ถึงแล้ว!!! โฮววววว แม่งปิดซ่อมอ่ะ อดเลย ฮือๆๆๆ T.T!


ถ่ายมุมในก็ได้วะ T.T ด้านนี้เหมือนวัดที่เดินผ่านตอนไปนัมบะบ่อยๆเลย =.= นอกเรื่องและ ชั้น


อันนี้มองจากด้านบน จะเห็น ภาพนี้~ แต่นะ คิดว่าอย่างเราเนี่ยนะจะไปต่อแถวกินน้ำ? ฝันเหอะ วัยรุ่นใจร้อน กร๊ากกกกกก


ข้างๆ (ยังอยู่บนเขาอยู่) เป็นวัดชื่อดังเรื่องความรัก เราเลยเดินเข้าไปดูกันไหนๆก็ไปแล้ว หุหุ แต่ก็บ่นๆกัน "เข้าไปไม่รู้จะไปขอไร เพราะไม่มีคู่กรณี - -"


อันนี้ศาลเล็ก คล้ายๆไทยแหละที่ว่าเชื่อว่า ลูบตรงไหนตรงนั้นจะดีขึ้น ไรซักอย่าง ฮา~


ชอบวัดญี่ปุ่นตรงพวกมีน้ำแบบนี้นี่แหละ ฮาาา


ใครเดาได้บ้างหินนี้คือไร? สังเกตดีๆ ว่าคนที่กำลังเดินมาที่หินเขาทำไรอยู่? กร๊ากกกกกกกกกก


หินเสี่ยงทายนั่นเอง!!! ใครเคยอ่านการ์ตูนบ้าง กร๊ากกกกกกกกกก! นั่นแหละๆที่ว่าหลับตาแล้วเดินตั้งหินฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย จะถือว่าความรักของเราจะสมหวัง แต่นะ... เค้าว่าใครๆมันก็ได้ว่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก -.- ยิ่งบางคนให้แม่ยืนบอกข้างๆ ชิบหาย จะศักดิ์สิทธิ์มั๊ยเนี่ย เหอๆ -.-


อันนี้เป็นเทพเจ้าแห่งความรักของที่นี่ เอ้า สาาาาาาาธุ! =人=


เสร็จแล้วเราก็เดินกลับเพื่อจะเดินวนลงเขา ตามทางที่เขาจัดให้ และก็ถ่ายรูปซักนี้ดดด~ อิอิ


ณ ตรงนั้นสามารถมองเห็น เกียวโตทาวเวอร์ได้ กร๊ากกกกกกกกก โคตรน่ากลัว หนูกลัวความสูง TwT


ทางจะเดินอ้อมลงเรื่อยๆจนลงเขาล่ะ~ อิอิ บ๊ายบาย คิโยมิซึเดะระ~ ว่าแต่ดูออกมั๊ยว่าตามต้นไม้มันจะดูเป็นสีชมพูๆน่ะ นั่นแหละ รู้สึกดีมากเลย ><


หลังจากวนลงมาด้านล่างจากคิโยมิซึะเดระได้ เราก็มาเจอแผงลอยน่ารักๆ เราเลยแวะกินกัน หุหุ~ ถูกและอร่อยมากก ญี๊ปุ๊น ญี่ปุ่น กร๊ากกกก!


ของโปรดดดด ซึคิมิโซบะ =,.=


ยุโดฟุ (เต้าหู้ต้ม) ของขึ้นชื่อ กินกับน้ำซุปเข้มข้นที่ดูเหมือนถ้วยสีฟ้าๆใกล้ๆเต้าหู้อ่ะ เพื่อนเค้ากินแค่นี้แม่งอิ่มอ่ะ! เราอ่ะกินโซบะไปยังไม่อิ่มเลย แล้วเต้าหู้ไม่เห็นหร่อยเลยอ่ะ กินกันไปได้ไง เหอๆ - - (อินี่แม่งบ่นชาวบ้านเขา)


ร้านน้ำชา~ ที่เกียวโตมีร้านแบบนี้เยอะมากอ่ะ จุดขาย ฮาาา แต่นะ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ย๊ากอยากเข้าไปเสียงตังค์นั่งกินเหลือเกิน กร๊ากกกกก


ทางเดินลงเขาเราก็กลับทางเดิม อ๊ะๆ เจอพี่ชายเข็นรถอีกแล้ว เข้ากับบรรยากาศจัง ฮาา~


แวะไปกิน อยากจะบอกว่า อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก แต่ก็แพงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปกติ กินราเมนยังไม่เคยกินแพงขนาดนี้เลยอ่ะ ไม่รู้กินไปได้ไง แต่กินไปและ กร๊ากกกกก  มันคือ ขนมเซ็นไซ Zenzai หรือถั่วแดงต้มน้ำตาลนั่นแหละ แต่นี่แทนที่จะต้มธรรมดา แต่ต้มกับชามัฉฉะมันเลยแพงไง! ราคาก็... 850 เยน orz


อันนี้ก็ วาราบิ โมจิ ของขึ้นชื่ออีกอย่าง~ ถ้าจำไม่ผิด เขาจะเริ่มกินกันช่วงฤดูใบไม้ผลิ รึเปล่าหว่า?


และเราก็เดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับไปขึ้นเนิน เข้าวัดโคไดจิ อยากจะบอกว่า วัดนี้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของพวกเรา 4 คนในทริปจริงๆ~


เข้าประตูมาอาจจะไม่มีไรก็แค่วัดธรรมดา แต่ถ้าเดินอ้อมไปด้านหลัง จ่ายค่าบำรุงไป ก็จะพบกับ บ้านและสวนของ เนเนะ และ ชื่อไรซักอย่างจำไม่ได้และ เหมือนเป็นขุนนางชื่อดังของโตเกียวในสมัยก่อน! และที่สำคัญ ใช้สิทธิ์นักเรียนได้ แค่ 250 เยนเอง =w= ราคาปกติ 600 แน่ะ ที่สำคัญไม่ค่อยมีคนเลย!


แต่ก่อนเข้าบ้าน? เราก็ไปเดินเล่นส่วนวัดกันก่อนน ถ่ายน้ำมาอีกและ ฮาาา


ไปเดินหมุนระฆัง? มันใช่ระฆังป่าวฟระ กร๊าก หนุกดี อิอิ


ถ่ายรูปเป็นทีระลึก โดยมีเจดีย์ห้าชั้นเป็นแบ็กกราวน์ -w-


แต่แต๊นนนนนนน!!! เงียบสงบ งดงาม มากกกกกกกกกกกกกก นี่แค่พึ่งทางเข้านะเนี่ย~


มุมใกล้~ นี่ไม่ใช่ตัวบ้านจริงๆนะ น่าจะส่วนที่เป็นเรือนนั่งเล่นหรือไรซักอย่างล่ะ แต่น่ารักมากเลย~


นี่ตัวเรือนใหญ่~ เสียดายเขาไม่เปิดให้เข้า อิอิ


กว้างและเงียบสงบมากกกก~ นึกถึงตอนไปเที่ยวปราสาทอิเคดะกับแจ๊สเลย ฟีลนี้ อิอิ


เห็นแล้วรู้สึกราวกับหลุดย้อนกลับไปในอดีตเลยอ่ะ~


ความงามของญี่ปุ่น ฮา~


จริงๆในส่วนตัวบ้านมีภาพเขียนเก่าแก่หายากรูปริว (มังกร) และเสือเป็นจำนวนมาก อดถ่าย เขาไม่ให้ถ่าย แต่พอออกมา ภาพตรงหน้ามันสะกดตาเรามาก...


สวนหิน ความงามแห่งวาบิ และ ซาบิของจริง!!!! (ความสงบและเรียบง่าย วิถีของญี่ปุ่น) โอววว ปลื้มอ่ะ อันบีลีฟบะเบิ้ล!!! (แอบมีเจ้าแม่กวนอิมด้านนอก อิอิ)


นั่งมองกันนานมาก มีคนอื่นๆมานั่งด้วย แดดอุ่นๆ (ตอนนั้นแดดแรงนะ) อากาศเย็นๆ ความเงียบสงบ เหมือนโดนสะกดจริงๆ ว่าแต่ รู้มั๊ยว่าสวนนี้เป็นรูปอะไร?


รูปริวนั่นเอง!!(มังกร) กร๊ากกกกกก จริงๆรูปด้านบนดูง่ายกว่านะ แต่ยังไงๆก็ลองดูนะ อิอิ มีหัว แล้วก็หาง >< เล็กๆน้อยๆแต่ก็ปลื้มใจ ฮา~


ความงามแห่งดอกอุเมะ ฮ้าาา รู้สึกดีชะมัด ><!


ทางเดินเข้าเรือนอีกส่วน เรือนนี้ แอบน่ากลัว มีภาพเขียนของเจ้าของบ้าน เก่าของจริงอ่ะ แบบ น่ากลัว กร๊ากกกก


รู้สึกเหมือนมีคนใส่กิโมโนเดินอยู่บนทางเดินบ้างมั๊ย ฮา~


ทิวทัศน์~ นี่ถ้าดอกไม้บาน คงสวยมากเลยนะเนี่ย อิอิ


นางแบบ กร๊ากกกกก! ปลื้มมาก ปกติทางนี้ไม่เปิดให้เดินผ่าน โชคดีจัง~


ป้ายทางเข้า ริว อะไรซักอย่าง จากความที่ว่า เพื่อนๆอีกสามคนก็อ่านไม่ออก กร๊ากกกกกกกกกก


นึกถึงการ์ตูนเรื่อง Sprit away~ (เครือที่วาด โทโทโร่อ่ะ)


บรรไดมันแคบและชันมากกกกกกกกกกก จนคนดูแลเขาเห็นสีหน้าพวกเราเลยต้องบอกว่า "พอดีคนสมัยก่อนเท้าเล็กน่ะค่ะ" กร๊าก


เห็นมุมนี้นึกถึงหนังเกาหลีสมัยก่อนช่องสามอ่ะ กร๊าก


โหววววว น่าอยู่ (แต่ก็น่ากลัว)


เดินไปก็คิดกันไป สมัยก่อน ผญ ลำบากน่าดู ใส่กิโมโน ต้องเดินทางแบบนี้ =.=


เรือนชงชา!!


เก่าจริงไรจริง อยากลองจับ อ่ะ กร๊ากกกกกก อันนี้เหมือนว่าจะ สี่ร้อยปีนะ


เรือนชงชา หน้าตาแปลกๆอย่างกับห้องต้มน้ำยังไงไม่รู้ (นั่น)


ตอนกลางคืนคงหลอนน่าดู TT


เดินผ่านป่าไผ่ เพื่อกลับลงด้านล่าง อ้า~ ดีจังๆๆ อิอิ โชคดีจังที่ได้ไป หุหุ


อันนี้ถ่ายมาตรงถนน สายวัฒนธรรม? เคยเห็นบ่อยๆในหนัง กร๊ากกกกกกก
 

นางแบบ เคียว คุมิโกะอีกแล้ว! กร๊ากกกกกกกกกก
 

สุดท้ายเราก็เดินเป็นวงกลม อ้อมเขาลงมาเดินถึง ศาลเจ้า เฮอันจินกุ (ใช่ป่าวฟระ กร๊าก) แหล่มมากเดินวนรอบเขา =_=b
 

ไม่รู้คือโคมไรนักหนา รู้แค่ว่า มันมีโคมของร้านอาหารระหว่างทางที่เดินเห็นเต็มเลย กร๊ากกกกกกกกกก
 

และเราก็วนลงมาจนถึงถนนใหญ่จนได้~ รู้สึกเหมือนได้กลับเข้ามายุคปัจจุบัน กร๊าก~ อันนี้ถ่ายมินิมาร์ท Lawson มา ดูท่าเขาจะอัพเวอร์ชั่นให้เหมาะกับเกียวโต แปลกดีเลยถ่ายมาล่ะ หุหุ แล้วเราก็กลับบ้านกัน~ ฮ้าาา เหนื่อยแต่สนุกดี หวังว่าครั้งหน้าเราจะได้ไปนารากันต่อจริงๆนะ กร๊ากกกกกก!!!

.

.

.

เมื่อวานก็ไปเกียวโตอีกแล้ว (ชักเบื่อ กร๊าก) พอดีเพื่อนมีมี่เขาพาไปกินอาหารไทยอ่ะ อร่อยมากกกกกกก ป้าเจ้าของร้านก็ใจดี ฮาาา แต่นะ ตอนกลับมีมี่ดันทิ้ง หนีกลับบ้านก่อนให้เค้าเที่ยวกับคุณยาย (เพื่อนมีมี่แหละ) สองคน โคตรง่วง กร๊ากกกก แต่นะ คุณยายแกใจดี ออกให้หมดเลย ซื้อหนมให้ด้วย แถมกลัวว่าเราไม่มีตังกลับบ้าน ซื้อบัตรเงินรถให้อีก แกบอกเงินที่เหลือในบัตรก็เอาไปใช้เลย ปลื้มมม อิอิ
 

วัดคินคะกุจิ กรี๊ดดดดดดด อยากมานานและ พึ่งได้มา กร๊ากกกกกกกกก งดงาม แต่แบบ ไม่มีไรเลย ค่าเข้าแพง เซ็ง กร๊ากกกก
 

คุณยายถ่ายให้ อิอิ~ แต่เซ็งอ่ะ ย้อนแสงไม่เห็นหน้าเลย ช่างเหอะ TT
 

พอๆกับคนไทยเลยว่ะ โหนเหรียญ แถมมีแต่เหรียญ หนึ่งกับเหรียญสิบนะ ฮาาา
 

นี่ห้องชงชาป่ะไม่แน่ใจ? ญี่ปุ่นดี เลยถ่ายมา กร๊ากกกกกกกก เออ เจอคนไทยด้วย เสียงดังโวยวายสมเชื่อจริงๆ กรั่กๆ =.=


เนินนี้เห็นงามถ่ายตอนพา เอมี่ กับ ป๊อบเที่ยวเกียวโต ถึงเราจะไม่ได้ร่วมทริปตอนนั้น เราก็มาเองละกัน อิอิ~

สุดท้ายขอบคุณคุณยายมาก ถึงจะง่วงมากก็เหอะ กร๊ากกกกกกก แต่นะ คุณยาย พูดภาษาเกียวโตอ่ะ ฟังไม่ค่อยออก =.= สิ่งนี้ทำให้ตระหนักได้ว่า อืม กรุ คนโอซาก้าจริงๆ กร๊ากกกกกกกก!!!

.

.

.
 


ถ่ายมาอวด เวลาน้ำชา วันจันทร์ กร๊ากกกกกกกกกก อร๊อยย อร่อยยย =w= (เหมือนกรุจะชอบไรเขียวๆ)
 

ไดรใหม่ของที่บ้าน มันจะพังแล้วไง เลยพากันไปซื้อวันอังคาร พร้อมกินซูชิ (น้ำหนักขึ้นโลนึงเลย TwT) สีนี้แน่นอนเค้าเลือกกกกกกก เขียววว =w=!


อันนี้อร่อยมากกกกกกกก ที่คุณยายซื้อให้อ่ะ ฉะดังโกะ อิอิ (เขียวอีกแล้วฉัน) พอดีวันที่ไปเที่ยว?กัน เค้าเดินไปยืนกินฟรีอ่ะ (นั่น) แกเลยซื้อให้ ลาภปาก กร๊ากกกกกกก =w= 


ชูครีมมม!! อันนี้ เมื่อวานแม่ลูกศิษย์มีมี่เขาซื้อมาฝาก กร๊ากกกกกกกก แต่นะ เนื่องจากเราอ้วนแล้ว =.= เราเลยเก็บมากินตอนกลางวัน แถมกินแค่ครึ่งเดียว มันอยากกินอ่ะ TwT แค่ครึ่งเดียวก็รู้สึกถึงความอ้วนแล้ว อ๊ากกกกกก

รู้สึกปิดเทอมมันกินเยอะขึ้น ต้องห้ามใจๆ อีกแค่สองเดือนเอง (ไม่สิ เดือนครึ่ง) สู้ๆ!

วันนี้เขียนบล็อกยาว มีแต่รูป เหนื่อยและ ฮาา~ ไปล่ะนะ บ๊ายบายยยยยยย


อ๊อออ! มีใคร สนใจอ่านฟิคไดยามะมั่ง (นั่น) กร๊ากกกกกกก แต่งกับ เมย์บุฮิคล่ะ ตอนนี้กำลังแต่งบุฮิคกันอยู่ สนใจ ไปอ่านได้เน้อ =w=b

Short Fic : Close Friend?  รักเพื่อน
Paring : Daiki x Ryosuke
PG : 13+
By : Zaol & Hirochan


3 ความคิดเห็น:

  1. วัดสวยมากกกกกก ชอบสวนหินอ่ะ แล้วก็ป่าไผ่ ชอบทุกที่ที่ไปเลย

    มันเงียบดี อยากไปมั่งจังเลยอ่ะ สวยยยยย

    ตอบลบ
  2. เกียวโตนี่มีเสน่ห์จิงเลยอะ อยากมีบ้านแบบนั้นมั่งจัง...แต่ขนมไม่เอานะ..ไม่น่าอร่อยอะ...

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับ

    กำลังแพลนจะไปโอซาก้า โตเกียวกับครอบครัวประมาณ มีนาคมปีหน้าพอดีเลย

    ตอบลบ